ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย สิงห์บุรี

 เผชิญศึกอาคมคนต่างศาสนา

ถ้าเอ่ยถึงพระปิดตาเมืองสิงห์ คงไม่มีพระปิดตาใดดังเท่าหลวงพ่อเชย วัดท่าควาย ท่านเป็นเกจิอาคมขลัง แห่งเมืองสิงห์บุรี ครั้งหนึ่งท่านได้ไปทำการถอนของหมอแขก หมอคนนั้นได้ส่งของมาเล่นงานท่าน นับว่าเป็นโชคดีที่ปู่พลอย อยู่ในเหตุการณ์นั้น ทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบว่าสมัยก่อนเค้าเล่นกันแรง จึงขอยกเอาเรื่อง ที่ปู่พลอยประสบมาเล่าให้ฟัง

แสงแดดยามเช้าทอแสงอ่อน ๆ ขณะที่หลวงพ่อเชย แห่งวัดท่าควาย กำลังพายเรือออกบิณฑบาต เพื่อโปรดสัตว์ พลันท่านก็เอ่ยกับศิษย์ของท่านที่นั่งคัดท้ายเรือว่า

“เฉยไว้นะอ้ายหนู อย่าตกใจ เดี๋ยวเรือล่ม หากมีอะไรเกิดขึ้น ให้เฉยไว้”

“วี๊ด พลั่ก”

เสียงอะไรอย่างหนึ่งแหวกอากาศดังถนัดหู แล้วของหนัก ๆ ก็ตกลงในเรือของหลวงพ่อเชยดังสนั่น พอควันจาง สิ่งที่ปรากฏอยู่ก็คือ ก้อนเนื้อวัวขนาดใหญ่ ประมาณสามกิโล กองอยู่บนเรือ เสียงหลวงพ่อเชยพึมพำว่า

“อ้ายพวกนอกศาสนา อ้ายพวกเวร ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ”

หลวงพ่อเชยเอาฝาบาตรตักน้ำขึ้นมาบริกรรมจนได้ที่ แล้วจึงเอาไปรดราดลงไปบนก้อนเนื้อนั้น พลันก็ปรากฏควันขาวลอยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก้อนเนื้อนั้นพลันเปลี่ยนสภาพเป็นเนื้อเน่า มีหนอนไชอย่างน่าเกลียด แล้วก็กลายเป็นกระดูกผีไปในที่สุด

“กลับวัดกันเถอะ เอากระดูกนี่ไปบังสุกุล”

หมอแขก..ส่งคุณไสยเล่นงาน.."หลวงพ่อเชย" ทั้งกระดูกผีในเรือ และหนังควายสนั่นลั่นกุฏิ แต่สยบด้วยน้ำมนต์ ส่งคืนเจ้าของทันควัน..

หลวงพ่อเชย

เด็กวัดคนนั้นคือ ปู่พลอย ต.บ้านไร่ จ.สิงห์บุรี ซึ่งได้พายท้ายเรือให้หลวงพ่อเชย และได้พบกับความประหลาดนั้น ปัจจุบันปู่พลอยหาชีวิตไม่แล้ว

คืนนั้นเอง หลวงพ่อเชยได้สั่งให้พระเณร และบรรดาญาติโยมที่มาที่วัดว่า “คืนนี้ให้อยู่กันอย่างเงียบ ๆ ในบ้าน ในกุฏิ อะไรแกรกกรากโป๊กเป๊ก อย่าได้ทักทาย คืนนี้หลวงพ่อจะต้องรับมือหมอไสยศาสตร์ นอกศาสนา ที่จะล้างชีวิตของหลวงพ่อ ในฐานะที่ได้ขัดขวาง และถอดถอนคุณไสยให้กับผู้เดือดร้อน ทำให้อาชีพของฆาตกรไสยดำต้องกระทบกระเทือน”

ตกดึก ปู่พลอยยังคงอยู่รับใช้ และนอนกับหลวงพ่อเชย ได้พบกับความประหลาดเป็นครั้งที่สอง เมื่อเสียงลมพายุพัดกระหน่ำกุฏิของหลวงพ่อเชยจนแทบจะพัง ในเสียงพายุนั้น มีเสียงกระพือพั่บ ๆ ของสัตว์ประเภทนกที่ตัวใหญ่มาก วนเวียนอยู่นอกกุฏิของหลวงพ่อเชย ซึ่งนั่งบริกรรมคาถาอยู่ตลอดเวลา ครู่ใหญ่ พายุสงบ หลวงพ่อเชยจึงให้เปิดประตูกุฏิออกไป ที่นอกชานนั้นเอง มีหนังควายตากแห้งผืนใหญ่วางอยู่

หมอแขก..ส่งคุณไสยเล่นงาน.."หลวงพ่อเชย" ทั้งกระดูกผีในเรือ และหนังควายสนั่นลั่นกุฏิ แต่สยบด้วยน้ำมนต์ ส่งคืนเจ้าของทันควัน..

หมอแขก..ส่งคุณไสยเล่นงาน.."หลวงพ่อเชย" ทั้งกระดูกผีในเรือ และหนังควายสนั่นลั่นกุฏิ แต่สยบด้วยน้ำมนต์ ส่งคืนเจ้าของทันควัน..

หลวงพ่อเชยหยิบบาตรน้ำมนต์ออกไปข้างนอก พรมน้ำมนต์ลงไปบนแผ่นหนัง ควันกระจายขึ้นจากแผ่นหนัง แล้วค่อย ๆ ม้วนและหดตัวลงตามจังหวะการพรมน้ำมนต์ของหลวงพ่อเชย ในที่สุดก็หดลงเหลือแค่ปลายนิ้วก้อย หลวงพ่อเชยจึงเอาไม้เท้าเขี่ย แล้วกล่าวว่า

“สำมาอย่างไร สำไปอย่างนั้น”

พอท่านว่าเสร็จ หนังผืนเล็กก็บินหายไป ท่านคงส่งของนั้นกลับไปหาเจ้าของ

จากนั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อเชยจึงได้สร้างพระปิดตาขึ้นแจกจ่ายกับลูกศิษย์ลูกหา และผู้เคารพนับถือ เพื่อป้องกันคุณไสย และได้รับการยอมรับนับถือว่า พระปิดตาของหลวงพ่อเชยมีส่วนผสมของอิทธิวัตถุ อันสามารถต้านคุณไสยได้อย่างวิเศษ แม้ภูติผีปีศาจร้ายก็ไม่กล้ากล้ำกราย

หมอแขก..ส่งคุณไสยเล่นงาน.."หลวงพ่อเชย" ทั้งกระดูกผีในเรือ และหนังควายสนั่นลั่นกุฏิ แต่สยบด้วยน้ำมนต์ ส่งคืนเจ้าของทันควัน..

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

ท่านเจ้าของเรื่อง

ศิษย์สายวัดสะพานสูง

เผื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์