- 23 ส.ค. 2560
รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ www.tnews.co.th
๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ คือวันครบรอบ ๑๓ ปีแห่งการละสังขารของ "พระครูสุทธิธรรมรังษี" หรือ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท"
แม้หลวงปู่เจี๊ยะจะจากพวกเราไปนานแล้ว แต่หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับตัวท่านยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเราชาวพุทธอยู่เสมอ
วันนี้เราจะมาทบทวนชีวิตและปฏิปทาในบางแง่บางมุมของหลวงปู่เจี๊ยะกันอีกครั้งเพื่อร่วมกันรำลึกถึงครูบาอาจารย์ ซึ่งเรื่องราวของท่านได้กลายเป็นคติสอนใจอนุชนคนรุ่นหลังตราบจนกระทั่งปัจจุบันนี้
[หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท]
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท เป็นศิษย์รุ่นหลัง ๆ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ฉายา "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" ที่หลวงปู่มั่นตั้งให้นั้นมาจากการที่ท่านเป็นพระที่มีกิริยาอาการไม่เหมือนใคร คือ อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ ชอบทำงานนั่นนี่ โดยเฉพาะงานก่อสร้างและงานใช้แรง หากมีเวลาว่างเมื่อใดเป็นต้องขยับเนื้อขยับตัวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังชอบพูดจาโผงผาง ส่งเสียงเอะอะโวยวาย ดูอาการภายนอกแล้วพูดได้คำเดียวว่าไม่สู้จะเรียบร้อย
- มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งหลวงปู่เจี๊ยะได้รับนิมนต์ให้ไปสวดมนต์ในงานแต่งงาน เมื่อไปถึงบ้านของเจ้าภาพ แทนที่จะเดินขึ้นบันไดตามปกติ ท่านกลับโหนตัวขึ้นทางลูกกรง พอขึ้นไปนั่งบนบ้านแล้ว ท่านก็ถามเจ้าภาพว่า "จะสวดหรือไม่สวดล่ะ! เอ้า...ประเคนกินกันเลย!"
- เวลาออกบิณฑบาต ถ้าเดินผ่านบ้านของญาติโยมที่คุ้นเคยกัน หลวงปู่เจี๊ยะจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านเลย แล้วก็พูดกับเจ้าของบ้านว่า "เฮ้ย...ชงกาแฟมาถ้วยซิ!" ระหว่างที่จิบกาแฟก็นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้า สูบบุหรี่ หรือวันไหนอยากฉันอะไรก็พูดว่า "เฮ้ย...ตำน้ำพริกกุ้งแห้งเกลือให้กูหน่อย!"
- วันหนึ่งหลวงปู่เจี๊ยะเจ็บขา ต้องนั่งรถไปบิณฑบาต เมื่อถึงบ้านลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด ท่านก็สั่งทันที "เอ้า...เอาข้าวมาให้กูกิน!" ว่าแล้วก็ตั้งบาตร แล้วนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เฉย พอลูกศิษย์ทัก ท่านก็บอกว่า "ขากูเจ็บนี่หว่า" ลูกศิษย์จึงบอกว่า "งั้นท่านอาจารย์ก็ไม่ต้องมาบิณฑบาตเลย... นอนอยู่เฉย ๆ เลย... ผมจะจัดไปถวายให้ที่วัดเอง" ได้ยินแบบนั้นท่านก็สวนทันทีว่า "ไม่ได้! เดี๋ยวคนเขาจะด่า...หาว่าขี้เกียจบิณฑบาต" ลูกศิษย์ก็เลยพูดย้อนว่า "นั่นละ... เขาจะด่าหนักละ... ไปทำอย่างนั้น" ท่านฟังแล้วก็นิ่ง ไม่ได้เคืองลูกศิษย์แต่อย่างใด
- เวลาหลวงปู่เจี๊ยะจะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก เรียกว่าไปง่ายมาง่าย พาหนะที่ท่านใช้เดินทางไปกรุงเทพฯ เป็นประจำนั้น หาใช่รถยนต์ไม่ แต่เป็นรถสิบล้อ! เวลาจะเดินทาง พร้อมเมื่อไหร่ท่านก็ออกไปโบกรถทันที รถคันไหนที่ท่านหมายตาไว้เป็นต้องจอดทุกคัน เพราะท่านไม่ได้โบกริมถนน แต่ยืนโบกกลางถนนเลย บางครั้งท่านรีบมาก คว้าจีวรคว้าย่ามได้ก็ออกจากวัดเลย แล้วค่อยห่มจีวรตอนยืนโบกรถอยู่กลางถนน บางทีก็ไม่ได้โบกมืออย่างเดียว แต่ยกเท้าขึ้นโบกด้วย ลูกศิษย์บางคนเล่าว่า คราวหนึ่งมารอรับท่านที่กรุงเทพฯ เห็นท่านนั่งอยู่บนหลังคารถสิบล้อ! พร้อมกับตะโกนว่า "หนาวโว้ย...หนาว!" ลูกศิษย์ถามว่าขึ้นไปบนนั้นทำไม ท่านบอกว่า ข้างล่างนั้นคนเต็ม แถมมีผู้หญิงมาด้วย ท่านก็เลยขึ้นมานั่งบนหลังคา
- เห็นแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วหลวงปู่เจี๊ยะเป็นพระที่ไม่ถือเนื้อถือตัว พระอาจารย์วัน อุตตโม ซึ่งเป็นวิปัสสนาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน เล่าว่าท่านเคยได้รับนิมนต์ให้ไปฉันในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ระหว่างที่กำลังฉันอยู่บนปะรำพิธีก็สังเกตเห็นหลวงปู่เจี๊ยะนั่งฉันปะปนอยู่กับพระหนุ่มเณรน้อยด้านล่าง หลวงปู่เจี๊ยะนั้นเป็นพระที่พระอาจารย์วันเคารพมาก พอฉันเสร็จท่านจึงมาขอขมาต่อหลวงปู่เจี๊ยะว่า "ครูอาจารย์... เกล้าฯ ขอขมาที่นั่งสูงกว่า" พระเณรทั้งหลายได้ยินแบบนั้นก็ตกใจกันใหญ่ เพราะคิดว่าหลวงปู่เจี๊ยะเป็นแค่หลวงตาธรรมดา ๆ- อีกครั้งหนึ่ง พระอาจารย์วันไปงานฉลองพระที่จังหวัดขอนแก่น ท่านได้รับนิมนต์ให้นั่งบนแท่นใหญ่ในพิธี พอเห็นหลวงปู่เจี๊ยะนั่งอยู่ข้างล่าง ท่านก็รีบลงมาขอขมาหลวงปู่เจี๊ยะทันที แต่หลวงปู่เจี๊ยะก็บอกว่า "วัน... ไป ๆ ไม่เป็นไร"
คนส่วนใหญ่มองเห็นหลวงปู่เจี๊ยะว่าเป็นแค่หลวงตาธรรมดา ๆ และอาจจะนึกดูหมิ่นหรือค่อนแคะอยู่ในใจด้วยก็ได้ที่เห็นอากัปกิริยาของท่านไม่เรียบร้อย แต่เขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า หลวงปู่เจี๊ยะเป็นที่นับถือของพระอาจารย์รูปสำคัญ ๆ ในสายหลวงปู่มั่น ท่านเหล่านั้นมักจะมาเยี่ยมและกราบคารวะหลวงปู่เจี๊ยะอย่างสม่ำเสมอ อาทิ หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร
แม้ว่าหลวงปู่เจี๊ยะจะเป็นคนโผงผาง เอะอะตึงตังอยู่เสมอ แต่ท่านนอบน้อมในพระธรรมยิ่งนัก บางครั้งขณะที่ท่านกำลังคุยกับพระเณร ส่งเสียงดังหรือมีเสียงเฮเป็นระยะ ๆ แต่ทันทีที่มีพระเณรไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่พูดเรื่องธรรมะขึ้นมา ท่านจะนิ่งแล้วฟังอย่างแสดงความเคารพในพระธรรม จนลูกศิษย์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า "กิริยาทางโลกกับกิริยาทางธรรมของท่านช่างต่างกันยิ่งนัก"
หลวงปู่จันทา ถาวโร เคยถามหลวงปู่เจี๊ยะว่า "กิริยาอาการของท่านเป็นอย่างนี้ ท่านไม่กลัวคนตำหนิบ้างหรือ?" หลวงปู่เจี๊ยะตอบว่า
"กิริยาภายนอกนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตามเถอะ... ถ้าหากเรามุ่งมั่นปั้นใจจนเที่ยงดี... ก็ยังดีกว่าคนที่กิริยางาม แต่ใจไม่เที่ยง!!
เพราะนิสัยวาสนาของคนเรามันไม่เหมือนกัน เขามีคำพูดอยู่มิใช่หรือว่า 'แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้' เราจึงไม่ไปแข่งวาสนากับใคร เราเป็นอย่างนี้จึงพอใจอย่างนี้ เพราะนิสัยวาสนาเป็นมาอย่างนี้!!"
ในยุคที่ผู้คนติดยึดอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอกและตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เห็นด้วยตานั้น เรื่องราวของหลวงปู่เจี๊ยะได้เตือนใจให้เราตระหนักว่า สิ่งสำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอกก็คือคุณธรรมภายใน หากเราไม่หลงเข้าใจว่าเปลือกเป็นแก่นแล้วก็ย่อมจะเรียนรู้สิ่งดี ๆ จากชีวิตและปฏิปทาของหลวงปู่เจี๊ยะได้อีกมากมาย
------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง : https://th-th.facebook.com/notes/phra-paisal-visalo