ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

เปิดประวัติ เกจิดังเมืองเพชรบูรณ์ “หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย” ศิษย์หลวงพ่อเดิม และหลวงพ่อพรหม เจ้าของตำรับ “เสกแล้วสับ" ยอดวิชาสักยันต์

 

“หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย” พื้นเพ ท่านเป็นชาวจ.ลพบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๒ ธ.ค. ๒๔๗๑ ปีมะโรง โยมบิดาชื่อ ธรรมมารดาชื่อ มากนามสกุล ยืนยงมีพี่น้องทั้งสิ้น ๕ คน ท่านเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา เยาว์วัยได้รับการศึกษาจบชั้นประถมปีที่ ๔ ที่ โรงเรียนวัดคลองเม่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ และในช่วงนั้นเองได้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายถิ่นฐาน ไปอยู่ที่ ต.ช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ และท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองแขม ต.ทุ่งทะเล ท่านได้ศึกษาวิธีปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานและวิชาต่างๆ จากพระอาจารย์อ่อนที่วัดหนองแขม ซึ่งเป็นอาแท้ๆ และเป็น พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในด้านการวิปัสนากรรมฐาน จึงสามารถถ่ายทอดวิชาดีๆ ให้กับท่านจนหมดสิ้น และเพื่อทดสอบวิชาที่ได้ถ่ายทอดมา พระอาจารย์อ่อนจึงได้ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวให้เตรียมข้าวของสำหรับการเดิน ธุดงค์ ซึ่งมีข้าวตากแห้งเป็นอาหารในการเดินป่า ครั้นเมื่อออกพรรษาก็มุ่งหน้าเดินทางด้วยเท้าเพื่อไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี การเดินทางต้องขึ้นเขาลงห้วย ครั้นถึงเวลาปักกลด หลวงอาก็ปักให้เสร็จ แล้วท่านก็เดินไปปักกลดอีกที่หนึ่ง พร้อมกับสั่งว่าห้ามออกไปไหนต้องอดทนจนกว่าจะรุ่งเช้า ครั้นเมื่อฟ้าสางหลวงอาก็พาออกบิณฑบาต แต่ไม่มีบ้านคนสักหลัง หลวงอาได้พาท่านเดินไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และให้เอาบาตรวางใต้ต้นไม้ พร้อมกับเปิดฝาบาตรทิ้งไว้สักครู่ แล้วก็ปิดฝาบาตรนำกลับมาที่กลด เอาน้ำใส่บาตรแล้วดื่ม ซึ่งท่านไม่เข้าใจ แต่ก็ทำตามและฉันข้าวตากแห้งปฏิบัติเช่นนี้เสมอมา

เมื่อบิดามารดา ทราบข่าวว่าท่านมีความยากลำบาก จึงเกิดความสงสาร และอยากให้สึกออกมาช่วยงานที่บ้าน แต่หลวงอาก็มาพูดเกลี้ยกล่อมจนท่านใจอ่อนและยอมออกเดินธุดงค์ต่อไป ในการเดินทางท่านก็ได้สอนวิชาอาคมต่างๆ เช่น วิชาหุงสีผึ้ง วิชานะหน้าทอง ฯลฯ บางครั้งท่านก็จดเอาไว้ และปรนนิบัติดูแลเรื่อยมาและศึกษาหาความรู้ไปด้วยเป็นเวลา ๑ พรรษา ต่อมาหลวงอาได้พาไปฝากเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ แต่ไม่ทราบว่าได้รับการถ่ายทอดวิชาอะไรบ้าง จนกระทั่งอายุได้ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดช่องแค ในปี พ.ศ. ๒๔๙๑ โดยมีท่านพระครูทอง วิสาโร เจ้าคณะอำเภอตาคลี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แบ๊ง วัดช่องแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาตี่ วัดเขาวงศ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ซึ่งวัดช่องแคในขณะนั้นมีหลวงพ่อพรหม ถาวโร เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

เปิดประวัติ เกจิดังเมืองเพชรบูรณ์ “หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย” ศิษย์หลวงพ่อเดิม และหลวงพ่อพรหม เจ้าของตำรับ “เสกแล้วสับ" ยอดวิชาสักยันต์

หลวงพ่อเดิม

เปิดประวัติ เกจิดังเมืองเพชรบูรณ์ “หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย” ศิษย์หลวงพ่อเดิม และหลวงพ่อพรหม เจ้าของตำรับ “เสกแล้วสับ" ยอดวิชาสักยันต์

หลวงพ่อพรหม

 

แต่น่า เสียดายที่หลวงพ่อประเทืองอยู่ได้เพียง ๑ พรรษา ก็ต้องลาสิกขาบทเพราะถูกเกณฑ์เข้ารับราชการเป็นทหารอากาศประจำการที่ จ.ลพบุรี ท่านอยู่รับใช้ชาติถึง ๒ ปีเศษ มาเป็นสารวัตรทหาร และรับราชการที่กรมชลประทาน จนเกิดความคิดว่าชีวิตทางโลกไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ จึงลาออกจากราชการในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ และหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์อีกครั้ง ณ วัดโนนทอง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ได้รับฉายาว่า อติกฺกนฺโตแล้วอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเล็ก วัดโพธิ์ทอง (ศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย) และได้ตระเวณออกธุดงค์ จนไปพบกับอาจารย์เชื้อสายเขมร ชื่อว่า อาจารย์ บุญลือ ซึ่งเป็นฆราวาสและได้ถ่ายทอดวิชาแก่ท่านจนหมดสิ้น และหนึ่งในวิชาที่ขึ้นชื่อของท่านคือ การสักยันต์ ซึ่งท่านจะเสกเป่าพระคาถา แล้วใช้มีดสับลงบนหลังเพื่อทดสอบความขลัง อันเป็นที่มาของเจ้าตำรับ เสกแล้วสับ

เปิดประวัติ เกจิดังเมืองเพชรบูรณ์ “หลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย” ศิษย์หลวงพ่อเดิม และหลวงพ่อพรหม เจ้าของตำรับ “เสกแล้วสับ" ยอดวิชาสักยันต์

ปีพ.ศ. ๒๕๒๐ ท่านได้ออกเดินธุดงค์จนมาถึง จ.เพชรบูรณ์ และได้ตั้งสำนักสงฆ์ที่เขารอ ต.หนองย่างทอย อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม พร้อมกับสร้างโรงเรียนไว้เพื่อสอนหนังสือให้กับเด็ก โดยจ้างครูมาสอนและท่านเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ด้วยความสามารถของท่านจึงทำให้สำนักสงฆ์เล็กๆ กลายมาเป็น วัดด่านเจริญชัยที่สวยงามมีเสนาสนะสมบูรณ์ทุกอย่าง แต่เนื่องจากวัดด่านเจริญชัย อยู่ห่างไกลจากชุมชนและเส้นทางการจราจรไปยังจ.เพชรบูรณ์ เมื่อท่านจะเดินทางไปธุระยังจ.เพชรบูรณ์ท่านมักมาแวะพักที่ศาลาเล็กๆ ของวัดหนองย่างทอย ซึ่งในอดีตนั้นเปรียบเสมือนวัดร้าง มีเพียงศาลาเก่าๆ เมื่อชาวบ้านในละแวกนั้นทราบว่าท่านมีฝีมือทางด้านการพัฒนาจึงขอร้องให้ท่าน ช่วยสร้างวัด โดยไปเกณฑ์ชาวบ้านใกล้เคียงมาช่วยกันถางหญ้า จนทำให้ท่านแพ้แรงศรัทธาของชาวบ้าน และอยู่สร้างวัดหนองย่างทอย โดยใช้ชื่อว่า วัดเทพประทานพรจนปรากฏความเจริญรุ่งเรืองมีถาวรวัตถุสวยงามเช่นที่เห็นในปัจจุบัน และท่านได้ปกครองดูแลพระเณร และเป็นที่พึ่งของชาวบ้านตราบจนกระทั่งมรณภาพ

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://sitluangporprateuang.blogspot.com/