ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

สุดอัศจรรย์!! ประสบการณ์ในญาณรู้ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เมื่อท่านหลงรักเด็กสาวลูกของแม่ชี แต่ด้วยการเจริญภาวนาทำให้ละกิเลสได้อย่างปาฏิหาริย์!!

             อาจารย์ถาวร แปงใจ อดีตพระมหาเปรียญ ๕ ประโยค จากสำนักวัดชนะสงคราม ซึ่งมีดีกรีปริญญาโทสาขาปรัชญา จากประเทศอินเดีย ได้กรุณาเล่าถึงประสบการณ์อัศจรรย์ในญาณรู้ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา ให้ฟังว่า

"ในครั้งที่ผมยังบวชเป็นพระ อาศัยอยู่ในวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๒๔ เพื่อนพระด้วยกันได้ชวนไปเที่ยวกราลครูบาอาจารย์ทางภาคอีสาน แต่ที่ไปกันนั้นเป็นพระเพียง ๒ รูป นอกนั้นเป็นโยมที่ไปจำศีลภาวนาอยู่ในวัด เราไปกันเต็มคันรถตู้ ขึ้นกันไปทางบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครพนม อุดรธานี สกลนคร หนองคาย ขอนแก่นแล้วอ้อมกลับมาทางนครราชสีมา มาพักค้างคืนกันที่วัดป่าสาลวันของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย"

สุดอัศจรรย์!! ประสบการณ์ในญาณรู้ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เมื่อท่านหลงรักเด็กสาวลูกของแม่ชี แต่ด้วยการเจริญภาวนาทำให้ละกิเลสได้อย่างปาฏิหาริย์!!  

            การเดินทางคราวนั้นใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งเดือนได้ มีโอกาสฟังธรรมจากครูบาอาจารย์กรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ที่ยังมีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นแทบทุกรูปอย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล, หลวงพ่อชา สุภัทโท, หลวงพ่อมหาบัว ญาณสัมปันโณ, พระอาจารย์แบน ธนากโร, หลวงพ่อผาง จิตตคุตโต, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี, หลวงปู่คำดี ปภาโส ได้กราบแทบเท้าหลวงปู่ขาว อนาลโย และถ่ายรูปเป็นอนุสรณ์กับท่าน 

             การเดินทางไปกราบครูบาอาจารย์ในลักษณะนี้ สมัยเป็นพระในลักษณะนี้ สมัยเป็นพระได้ไปกับเพื่อนพระด้วยกันตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ไปมาหลายแห่งจนบางครั้งบางคราวก็มีสับสนไปบ้างว่าไปที่ไหน เมื่อไหร่แต่ที่มาค้างที่วัดป่าสาลวันของหลวงพ่อพุธนั้น จำได้แม่นยำว่าเป็นปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๔ อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ได้ประสบยังตราตรึงใจไม่รู้ลืมจนทุกวันนี้ เล่าถึงความประทับใจในครั้งแรกที่มากราบนมัสการหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ที่วัดป่าสาลวันว่า

 

สุดอัศจรรย์!! ประสบการณ์ในญาณรู้ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เมื่อท่านหลงรักเด็กสาวลูกของแม่ชี แต่ด้วยการเจริญภาวนาทำให้ละกิเลสได้อย่างปาฏิหาริย์!!  

            คืนนั้นคณะไปถึงวัดป่าสาลวันค่ำแล้ว หลวงพ่อได้ให้การต้อนรับที่กุฏิไม้ยกพื้นสูงหลัวเก่า ตอนนั้นกุฏิหลังใหม่ที่ท่านพักอยู่ในตอนนี้ยังไม่ได้สร้าง ท่านยังคงพักอยู่ที่กุฏิหลังเดิมสถานที่ต้อนรับแขกเป็นด้านบน สมารถนั่งกันได้ประมาณ ๑๐ กว่าคนโดยไม่แออัดนัก ได้นั่งสนทนากันอยู่กับท่านจนถึงประมาณ ๓ ทุ่ม โดยในขณะที่ท่านนั่งสนทนาและตอบคำถามของคนอื่นๆ อยู่นั้นผมก็อยากจะถามปัญหาความร้อนรุ่มที่ตนเองกำลังประสบอยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไร แต่ก็ยังไม่มีโอกาสจะได้ถาม แล้วก็ไม่กล้าจะถามท่านในตอนนั้นด้วยเพราะอายโยมผู้หญิงในหมู่คณะที่ไปด้วยกัน แม้ว่าแต่ละท่านจะมีอายุเลย ๖๐ ปีไปแล้วทุกคนก็ตาม จึงได้แต่นั่งฟังท่านคุยธรรมะให้ฟังด้วยใจร้อนรุ่มอยากจะถามคำถามของตน

              สนทนากับท่านไปจนกระทั่งเลย ๓ ทุ่ม ไปเล็กน้อย เพื่อนพระด้วยกันได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ หลวงพ่อจึงถือโอกาสบอกให้โยมคนอื่นๆไปนอนหลับพักผ่อน ท่านบอกว่าดึกแล้วนะ พวกโยมเดินทางมาไกลคงเหนื่อยกันทุกคน ไปนอนหลับพักผ่อนกันก่อนเถอะ สถานที่เขาจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอท่านว่าอย่างนั้นผมก็ทำท่าว่าจะลุกขึ้น แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินท่านกล่าวต่อไปว่า

"คนอื่นไปพักผ่อนกันก่อน ส่วนท่านมหายังไม่ต้องไปหลวงพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"

             หลังจากที่โยมลงไปจากกุฏิหมดสิ้นแล้ว คิดว่าแต่ละคนคงไปไกลเกินกว่าที่จะได้ยินเรื่องที่ท่านจะคุยด้วยแล้ว หลวงพ่อพุธท่านจึงเริ่มเรื่องที่ท่านเหนี่ยวรั้งผมไว้เพื่อคุยด้วย ซึ่งตอนนั้นผมก็ใจเต้นตูมตามอย่างใคร่รู้ว่าท่านจะชวนสนทนาด้วยเรื่องอะไรหนอ เพราะตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้กราบนมัสการท่านอย่างใกล้ชิด ยังไม่คุ้นเคยกับท่านแต่อย่างใด เมื่ออยู่ตามลำพัง หลวงพ่อพุธท่านจึงเริ่มเรื่องว่า

"ท่านมหา สมัยหลวงพ่อเป็นพระหนุ่มวัยเดียวกับมหา หลวงพ่อก็ประสบปัญหาเดียวกัน คือหลวงพ่อไปหลงรักเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของแม่ชีที่เอาปิ่นโตมาส่งให้แม่ที่วัดเป็นประจำ"

ท่านขึ้นต้นมาอย่างนี้ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมใจหายวาบระคนด้วยความอัศจรรย์ว่า

"นี่ท่านรู้ความคิดของเราละเอียดถึงขนาดนี้เชียวหรือ"

 

สุดอัศจรรย์!! ประสบการณ์ในญาณรู้ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เมื่อท่านหลงรักเด็กสาวลูกของแม่ชี แต่ด้วยการเจริญภาวนาทำให้ละกิเลสได้อย่างปาฏิหาริย์!!

จากนั้นท่านก็เล่าเรื่องของท่านให้ฟังไปเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องราวที่ท่านเล่าให้ฟังนั้นคล้ายกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับผมมาก ท่านว่า

          ทีแรกหลวงพ่อก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับเขาบ่อยๆ ได้ช่วยนั่นช่วยนี่หรือบางครั้งเขาก็มาช่วยทำนั่นทำนี่ให้ ความรู้สึกมันก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นโดยนึกคิดถึงเขาบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่คิดเฉลียวใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับใจเรา มารู้ตัวเอาก็ต่อเมื่อวันไหนที่เขาไม่ถือปิ่นโตเข้าวัด ไม่ได้พบ ไม่ได้เห็นหน้าเขา ไม่ได้พูดจาสนทนาด้วย เราก็ร้อนรุ่มหัวใจมันเหี่ยวแห้งเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง ยิ่งช่วงไหนเขาขาดหายไปไม่มาวัดสักสัปดาห์ รู้สึกว่ามันทุกข์ทรมานเหมือนขาดเขาไปเป็นปี หัวใจมันร้อนรุ่มเหมือนใครเอาไฟมาลน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายก็ผ่ายผอมลงเรื่อยๆ

         วันไหนเขามาแต่ถ้าไม่ได้พูดคุยด้วย มันก็เป็นทุกข์เหมือนกัน ต่อเมื่อได้พูดคุยด้วยก็อยากจะบอกให้เขารู้เหลือเกินว่า "ฉันรักเธอเหลือเกินนะ" แต่ก็บอกไม่ได้ ยิ่งเก็บไว้มันก็ยิ่งอึดอัด มันแน่นในหัวอก จิตใจที่เคยสงบเย็นอันเกิดจากรสของการภาวนาก็หายไปสิ้น นั่งก็คิดถึงเขา นอนก็คิดถึงเขา เดินจงกรมก็คิดถึงเขา มันคิดปรุงแต่งเป็นเรื่องเป็นราวจนเจ้าตัวไม่รู้ตัว กว่าจะกลับมาก็ไปไกล พอดึงไปเดี๋ยวก็กลับไปคิดถึงเขาอีก

         เมื่อคิดมากๆ มันก็ทุกข์มาก ทำให้รู้สึกตัวขึ้นมาว่า ความรักนี่เป็นต้นตอของความทุกข์จริงหนอ ทุกข์ที่ไม่มีอะไรมาทุกข์เท่ากว่า พอเรารู้ตัวมันก็กินลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ แล้วนี่จะแก้อย่างไร จะไปกราบขอคำแนะนำจากครูอาจารย์ก็กลัวท่านจะตำหนิด่าว่า เมื่อคิดมากเข้าๆ ก็ตัดสินใจใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง เกิดความคิดว่า "เอาล่ะ ในเมื่อเรารักเขาก็เอาตัวเขามาเป็นกรรมฐาน เราต้องนึกถึงเขาเท่านั้น นึกให้มันเห็นหน้า"

         

สุดอัศจรรย์!! ประสบการณ์ในญาณรู้ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เมื่อท่านหลงรักเด็กสาวลูกของแม่ชี แต่ด้วยการเจริญภาวนาทำให้ละกิเลสได้อย่างปาฏิหาริย์!!

          พอคิดตกลงใจอย่างนั้น จึงอาบน้ำอาบท่าให้ชื่นบาน เข้าห้องปิดประตูทันที นั่งตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า นั่งท่องชื่อของเขาเป็นคำบริกรรมและนึกถึงหน้าของเขา ตั้งใจให้ใบหน้าของเขาผุดขึ้นมาในจิตเหมือนที่เราเพ่งเทียน แก้ว หรือพระพุทธรูป หลวงพ่อทำอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยไปกี่นาที กี่ชั่วโมง ก็ไม่รู้ได้ ภาพของเขาก็ค่อยๆ สดใสสวยงามปานเทพธิดา

           จากนั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ค่อยๆแปลเปลี่ยนไปทีละนิด จากสาวก็ย่างเข้าสู่วัยกลางคน เป็นคนแก่ แก่จนหง่อม หัวสั่นหัวคลอน เดินยักแย่ยักยัน ในที่สุดก็ล้มตายลงต่อหน้าร่างกายแปรสภาพเป็นขึ้นอืด เริ่มมีหนอนไต่ออกมาตามทวารต่างๆ ร่างกายแตก นัยน์ตาถลน แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆยุบ เนื้อหนังหายไปเหลือแต่โครงกระดูกที่นอนเหนือแผ่นดิน จากนั้นก็กระจัดกระจายไม่เป็นรูปเป็นร่าง พอมาถึงจุดนี้จิตก็สะทกสะท้านหวาดหวั่นต่อความแปรเปลี่ยนเห็นชัดแจ้งถึงความเป็นของไม่สวยงาม ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่น่ายึดเอามาเป็นเจ้าของ ก็ถามตัวเองว่า

"ถ้าเขาเป็นเช่นนี้ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า"  ก็มีคำตอบว่า "ไม่รัก"

          ความรักที่หลวงพ่อมีต่อเด็กสาวคนนั้นก็หายไปด้วยอาการอย่างนี้ นี่คือวิธีแก้ปัญหาของหลวงพ่อ หลวงพ่อพุธท่านเล่าจบก็หยิบหมากป้ายปูนใส่ปาก นั่งเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี ไม่ถามหรือแสดงข้อคิดเห็นอย่างอื่นอีก จนกระทั่งพระเพื่อนของผมโผล่ขึ้นมา ท่านจึงชวนคุยเรื่องอื่น ไม่หวนกลับมาพูดถึงเรื่องเก่าที่ท่านเล่าให้ผมฟังขณะอยู่ตามลำพังอีก เล่ามาถึงช่วงนี้อดีตมหาเปรียญหลายประโยคกล่าวสรุปว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ประสบกับจิตรู้อันอัศจรรย์ของพระมหาเถระเป็นประสบการณ์จากหลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระที่ผมแน่ใจว่าท่านเก่งจริง เก่งทั้งสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้กราบท่านจึงรู้สึกเย็นกาย เย็นจิต อย่างไม่เคยเกิดกับครูบาอาจารย์ท่านใดมาก่อน

 

 

 

ที่มาจาก : http://palungjit.org

              จากหนังสือ ญานทิพย์ อภิญญา รู้ฟ้ารู้ดิน แม้สวรรค์ก็มิอาจปิดบัง