ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

การฆ่าพระอริยะ ถือเป็นกรรมหนัก!! ตกนรกชั่วกัปกัลป์!.. เผยวัตรปฏิบัติ “หลวงปู่บู่” มีธรรมจริยวัตรงดงามเช่นเดียวกับ “หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน”

 

ความลี้ลับมหัศจรรย์ในพระพุทธศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ยังคงปรากฏอยู่ทุกยุคทุกสมัย ท้าทายความเชื่อตามหลักวิทยาศาสตร์ของคนยุคปัจจุบัน หากแต่ปาฏิหาริย์ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินั้นมักปรากฏเป็นเหตุการณ์เฉพาะตัว บุคคล ที่ทางพระเรียกว่า ปัจจัตตังเท่านั้น และหนึ่งในเรื่องราวหลากร้อยหลายพันเรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นภายใต้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนานั้น เรื่องของ “โลกอุดร” ซึ่งหมายถึงผู้ที่สำเร็จ ในธรรมะ มีฤทธิ์และมีอายุยืนนานผิดคนธรรมดาสามัญ

         หลวงปู่บู่ เองก็เป็นพระที่สมควรได้คำว่า โลกอุดร”  ถึงน่าจะเหมาะสมกับการเป็นอยู่ของหลวงปู่จริงๆ  ซึ่งเหมือนกับปฏิปทาของหลวงปู่สรวง  เทวดาเล่นดิน  เหมือนแกะจากพิมพ์เดียวกัน  การเป็นอยู่ของหลวงปู่บู่  อยู่อย่างเรียบง่ายทำตามได้ยาก เป็นพระที่มักน้อยจริงๆ สันโดษก็สันโดษจริงๆ  กุฏิที่หลวงปู่อยู่จำวัดก็พังแหล่ไม่พังแหล่  เก่าสุดเก่า  ถึงแม้จะมีศรัทธามาสร้างกุฏิถวายหลวงปู่หลังใหม่ก็ตาม  หลวงปู่ไม่ได้ยินในลาภ  ยังคงจำวัดในกุฏิเก่าๆ หลังเดิม  เห็นแล้วทำตามหลวงปู่ได้ยากจริงๆ จีวรห่มก็เก่าๆ การเป็นอยู่หลับนอนก็เปลใต้ต้นมะม่วง  บางครั้งก็ขึ้นไปนอนบนต้นมะม่วง  การนอนของหลวงปู่จะนอนในท่าสีหะไสยาศตลอด  บางวันอากาศร้อนๆหลวงปู่บู่ก็ลุกขึ้นมาก่อไฟผิง  ไม่สนใจใคร  ฝนตกก็เดินตากฝน  หน้าหนาวหลวงปู่ก็เดินตากอากาศหนาว อย่างไม่กลัวความหนาว  นับได้ว่าเป็นการอยู่ที่เป็นไปเพื่อการปล่อยวางในโลกกรรมอย่างแท้จริง  โดยหลวงปู่ไม่ยินดียินร้ายในคำสรรเสริญ  ยกย่อง  คำนินทา  ใครจะด่าว่าร้ายหลวงปู่ก็ช่าง จะมีลาภหรือไม่มีลาภ หลวงปู่ก็ไม่หวั่นไหว  ใครจะมียศมีตำแหน่งหลวงปู่ก็นิ่งเฉย  โลกใบนี้มันจะสุขหรือจะทุกข์มันก็เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งการอ่านเขียนหนังสือนั้นไม่ค่อยเก่ง  เพราะท่านมุ่งปฏิบัติดูจิตอย่างเดียว มีแต่คนเฒ่าคนแก่มีอายุ  ๗๐-๘๐ ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเคยเห็นท่านเมื่อตอนหนุ่มๆ เป็นอยู่อย่างไรทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นท่านแก่เลย ...

 

การฆ่าพระอริยะ ถือเป็นกรรมหนัก!! ตกนรกชั่วกัปกัลป์!.. เผยวัตรปฏิบัติ “หลวงปู่บู่” มีธรรมจริยวัตรงดงามเช่นเดียวกับ “หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน”

 

       มีเรื่องเล่ากัน ปีพ.ศ. ๒๕๕๒  มี คณะของสำนักชลประทานมี่ ๕ จากจังหวัดอุดรธานีได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่บู่ พร้อมท่านพระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร แห่งวัดถ้ำภูผาแด่น จ.สกลนคร  ขณะที่สนทนากันส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องธรรมะและการปฏิบัติกับหลวงปู่บู่  สังเกตดูใครถามท่านๆก็จะตอบถ้าไม่ถามท่านๆก็จะนิ่งเฉยเสียโดยไม่มีความ รู้สึกยินดียินร้ายต่อสภาวะแวดล้อมขณะนั้นใดๆทั้งสิ้น   มีบุคคลหนึ่งในคณะถามท่านถึงเรื่องความฝันเพราะอาจจะนำคำพูดของท่านมาตี เป็นเลขหวยก็ได้

ว่าหลวงปู่ฝันดีบ่  ท่านก็บอกบ่ฝันดอก  บุคคลนั้นก็ถามต่อว่าหลวงปู่ชอบเลขอะไร หลวงปู่ก็ตอบว่า “มักเลข ๘”  คำ ตอบของหลวงปู่ทำให้คณะของชลประทานนั้นถึงกับอึ้งและงงกันไปพักใหญ่ว่าหลวง ปู่ให้เลขตัวเดียวแล้วจะหาตัวเลขอื่นมาผสมอย่างไรให้ครบสองตัว 

ขณะที่ทุกคนในคณะกำลังงุนงงกับคำพูดปริศนาของหลวงปู่อยู่นั้น  บุคคลที่ถามท่านก็นึกได้และเฉลยให้ทุกคนในที่นั้นฟังและได้ยินกันทั่วทุกคน  จนทำให้คำพูดที่เป็นปริศนาของหลวงปู่หมดไป  ว่าที่แท้คำว่า “มักเลข ๘”  ของหลวงปู่นั้นคงหมายถึง มรรคแปด ซึ่งเป็นทางเดินแห่งพระอริยะมรรคของพระอรหันต์เท่านั้น  เมื่อบุคคลนั้นในคณะเรียนถามหลวงปู่บู่อีกว่า มักเลข ๘ หมายถึง มรรคแปดใช่ไหม  หลวง ปู่ท่านก็ได้แต่ยิ้มๆและไม่ตอบหรือพูดว่าอะไรแม้สักคำเดียว (มักภาษาลาวแปลว่าชอบ ภาษาธรรมแปลว่าทางเดินของพระอริยะมรรคอันมีองค์แปดนั่นเอง)  

ถึงแม้เราจะไม่สามารถกล่าวได้ว่า ท่านสำเร็จธรรมระดับไหน ทว่าจากปฏิปทา และ จริยวัตรอันงดงาม ทำให้เรากล่าวยืนยันได้ว่า หลวงปู่ เป็นพระอริยะอีกรูปหนึ่ง ที่น่าเลื่อมใส 

และจากเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับหลวงปู่บู่นั้น แน่นอนว่าผู้กระทำผิดจะต้องได้รับผลกรรมแน่นอน ทั้งผลกฎหมายทางโลก และผลจากบาปกรรม ตามกฎแห่งกรรม!!

(อ่าน : "ปู่หมดกรรมแล้ว ปู่ขอลาเด้อ" หลวงปู่บู่ ถูกฆาตกรรมในกุฏิ เข้าฝันลาศิษย์ เชื่อหลวงปู่อโหสิและหมดกรรม น้อมรับความตายเช่นพระโมคคัลลานะ)

 

การฆ่าพระอริยะ ถือเป็นกรรมหนัก!! ตกนรกชั่วกัปกัลป์!.. เผยวัตรปฏิบัติ “หลวงปู่บู่” มีธรรมจริยวัตรงดงามเช่นเดียวกับ “หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน”

 

 

การฆ่าพระอริยะ หรือ พระอรหันต์นั้น นับเป็นคุรุกรรม หรือกรรมหนัก ในข้อ  อรหันตฆาต หรือ การฆ่าพระอรหันต์ บุคคลผู้ใดมีเจตนาชั่วร้าย ฆ่าพระอรหันต์ ได้ชื่อว่าเป็นอรหันต์ฆาตทั้งนั้นคฤหัสถ์ที่บรรลุธรรมวิเศษ เป็นพระอรหันต์ แต่ยังไม่ทันได้บวชเป็นพระสงฆ์ ผู้ใดฆ่าก็เป็นอนันตริยกรรม และถึงแม้ขณะเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ท่านถูกทำร้ายด้วยอาวุธหรือยาพิษในน้ำดื่มหรืออาหาร เกิดทุกขเวทนา แล้วท่านได้กำหนดเอาทุกขเวทนามาเป็นบาทแห่งวิปัสสนา จนเกิดมรรคผลสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วดับผลสู่นิพพาน ผู้ทำร้ายย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์ อย่างไรก็ตาม ผู้ฆ่าพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ถึงแม้จะไม่ได้ชื่อว่า เป็นอรหันตฆาต แต่ก็มีบาปหนักเสมอ อนันตริยกรรม  โดยผู้กระทำกรรมนี้จะต้องตกอเวจีมหานรก ตลอดกัป คือ นับชาติไม่ถ้วน

 

 

ที่มา : tarad.com/  กรรมทีปนี (กรรม 12 อย่าง) - โดยท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9)