- 27 ก.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th/
เมื่อหลวงปู่คำคนิงได้มุ่งเดินธุดงค์ ลงมาทางใต้ เขตนครจำปาศักดิ์ หลวงปู่ท่านได้มาจำพรรษาที่เขาภูด่าง ความเลื่อมใสศรัทธาของคนในประเทศลาวเริ่มแผ่ขยายกว้างขวางออกไปอย่างรวดเร็วมาก จากหมู่บ้านรู้เข้าถึงตำบล จากตำบลเข้าถึงอำเภอเข้าถึงจังหวัดจากจังหวัดแผ่ขยายจนทั่วประเทศ ประชาชนประเทศลาวรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ต่างมุ่งเดินทางมาทุกทั่วสารทิศ มุ่งสู่จังหวัดนครจำปาศักดิ์
ต่อมาความนี้ได้ทราบถึงพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ซึ่งเป็นเหนือชีวิตแห่งประเทศลาว รวมทั้งญาติฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ จึงได้เสด็จมาที่เมืองปากเซ บนภูเขาอีด่าง แขวงเมืองจำปาศักดิ์ เมื่อเจ้าเหนือหัวศรีสว่างวัฒนาได้พบหลวงปู่จึงกล่าวคำว่า
“ท่านเก่งมีอิทธิฤทธิ์มากหรือไร”
หลวงปู่ท่านว่า “ไม่”
เจ้าเหนือหัวแห่งลาวก็ถามอีกว่า
“ถ้าไม่เก่งแล้วทำไมคนลือเลื่อมใสไปทั่วประเทศ”
หลวงปู่ก็ตอบว่า
“ใครเป็นคนพูด”
เจ้าเหนือตอบว่า
“ก็ประชาชนทั้งประเทศ”
หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า
“นั้นคนอื่นพูด แต่ตัวท่านไม่เคยพูด”
ผลสุดท้ายเจ้าเหนือหัวชีวิตแห่งประเทศลาว เกิดความเลื่อมใส ขอขมาที่ล่วงเกินหลวงปู่ และเอ่ยขอหลวงปู่สักอย่างหนึ่งจากหลวงปู่จะได้ไหม หลวงปู่บอกว่าได้ เจ้าเหนือชีวิตแห่งประเทศลาวบอกว่า ขอปลงผมซึ่งยาวจนจะถึงเอวออกจะได้ไหม หลวงปู่บอกว่าได้ ต้องบวชเป็นพระก่อน
ในที่สุดวันกำหนดอุปสมบทซึ่งทางสำนักพระราชวังได้จัดขึ้นโดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ พร้อมด้วยข้าราชการประชาชนแห่กันไปที่วัดหอเมืองเก่งแขวงจำปาศักดิ์ ในระหว่างที่ปลงผมหลวงปู่นั้น ทั้งฝ่ายสำนักราชวังก็ดี ข้าราชการประชาชนก็ดี ต่างก็เอาผ้าไหมแพรทองมาปูรองรับเส้นผมของหลวงปู่กันแน่นไปหมดทั่วบริเวณในวัดและนอกวัด ในวันนั้นต่างคนต่างแย่งผมที่หลวงปู่ปลงแทบจะฆ่ากันเลย จนเจ้าหน้าที่รักษาบ้านเมืองวุ่นวายไปหมดครั้งเมื่อเวลาอุปสมบทก็มีพระสงฆ์ราชาคณะพร้อมทั้งพระสังฆราชเสด็จมาเป็นปรานฝ่ายสงฆ์รวมทั้งหมด 24 รูป เมื่ออุปสมบทเสร็จ หลวงปู่ได้อยู่ที่ภูเขาอีด่างอีกระยะหนึ่ง เห็นความวุ่นวายจึงเกิดความเบื่อหน่าย ท่านจึงแอบหนีออกมาโดยไม่มีใครรู้เลยว่าท่านไปอยู่ที่ไหน
อ้างอิงข้อมูลจาก - www.baanjompra.com