ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

หลวงพ่อจ้อย วาจาสิทธิ์

วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์

 ได้รับคำบอกเล่าจาก นายสายัณห์ พรหมโชติ อยู่บ้านเลขที่ ๔๐๑ หมู่ที่ ๔ ตำบลนครสวรรค์ตก อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเคยอุปสมบทและจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีอุทุมพร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ มีพระชื่อพิจิตร จำนามสกุลไม่ได้กับพระมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑ รูป อุปสมบทและจำพรรษาอยู่ด้วยกัน มีความรักใคร่สนิทสนมกันมาก เมื่อออกพรรษาและได้รับกฐินแล้วลาสิกขาบทพร้อมกัน เมื่อลาสิกขาบทเรียบร้อยแล้วก็ไปอาบน้ำพร้อมกัน เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ของทิดสึกใหม่ที่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งในกระเป๋าสำหรับใส่สตางค์ มีเงินอยู่ประมาณ ๒,๐๐๐.- บาท หายไป ถามทิดพิจิตรว่าเห็นกระเป๋าสตางค์บ้างไหม ทิดพิจิตรก็ตอบว่าไม่เห็น ทิดสึกใหม่จึงได้ไปกราบนมัสการบอกให้หลวงพ่อจ้อยฯ ทราบ หลวงพ่อจ้อยฯ จึงเรียกทิดพิจิตรไปถามว่าเห็นกระเป๋าสตางค์ของเขาไหม ทิดพิจิตรตอบว่าไม่เห็น หลวงพ่อจึงพูดขึ้นว่า “ ถ้าไม่เห็นก็ไม่เห็นตลอดไปนะ ” เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป อยู่ต่อมาไม่นาน ตาของทิดพิจิตรก็มองอะไรไม่ค่อยเห็นลงเรื่อยๆจนมองอะไรไม่เห็น คงจะคิดได้จึงนำกระเป๋าสตางค์ไปคืนให้หลวงพ่อจ้อยฯ พร้อมกับรับสารภาพว่า เป็นคนขโมยกระเป๋าสตางค์ของเขาไป หลวงพ่อจ้อยฯ ได้พูดขึ้นว่า “ เห็นแล้วเดี๋ยวตาก็แลเห็น ” เวลาล่วงเลยไปประมาณ ๑ สัปดาห์ ตาของทิดพิจิตรก็มองเห็นเป็นปรกติ

ริอาจโกหก..ขโมยกระเป๋าเงิน แต่ไม่ยอมรับ "หลวงพ่อจ้อย วาจาสิทธิ์" เพียงพูดสั้นๆ..ตาเริ่มบอดสนิท แต่เมื่อนำมาคืน กลับมองเห็นทันที..

เช่าพระคลิ๊กที่นี่
เช่าพระที่นี่

 

 นายผัน บัวเทศ อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๑๔ เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ช่วงฤดูน้ำลด วันหนึ่งตนกับพวกประมาณ ๖ คน ได้เตรียมแบกแห ข่าย และสุ่ม จะไปหาปลากัน เดินผ่านมาทางวัดศรีอุทุมพร พบหลวงพ่อจ้อยฯ ยืนอยู่ พวกตนทั้งหมดก็นั่งทรุดตัวลงยกมือไหว้หลวงพ่อ เพื่อถวายความเคารพ หลวงพ่อได้เอ่ยปากพูดกับพวกตนว่า “จะไปเล่นน้ำกันเหรอ” เสร็จแล้วก็แยกทางกันไป วันนั้นทั้งวันตนกับพรรคพวกที่ไปทอดแห ลงข่าย และสุ่มปลา ต่างก็ไม่ได้ปลากันเลยแม้แต่ตัวเดียว ข่าวเรื่องนี้ได้ขยายวงกว้างไปสู่ประชาชนทั้งหมู่บ้าน จนกระทั่งทุกวันนี้ถ้าใครจะไปหาปลา ไม่ว่าจะเป็นการทอดแห ลงข่าย หรือสุ่มปลาหากพบหลวงพ่อจ้อยฯ ยืนอยู่กลางทางจะต้องหลีกทางจากหลวงพ่อไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ เพราะกลัวหลวงพ่อจ้อยฯ ท่านจะถามว่า “ จะไปเล่นน้ำกันเหรอ ” อีก

ริอาจโกหก..ขโมยกระเป๋าเงิน แต่ไม่ยอมรับ "หลวงพ่อจ้อย วาจาสิทธิ์" เพียงพูดสั้นๆ..ตาเริ่มบอดสนิท แต่เมื่อนำมาคืน กลับมองเห็นทันที..

หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ (๘เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๖ — ๑๖เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐)

หลวงพ่อจ้อย เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันขึ้น ๓ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู เป็นบุตรคนที่สองของ นายแหยม นางบุญ ปานสีทา ตำบลพรวงสองนาง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี นามเดิม : จ้อย (ภาษาลาวกะลา แปลว่า ผอม) นามสกุล : ปานสีเทา มีพี่น้อง ด้วยกัน๖ คน เป็นชาย ๓คน หญิง ๓ คน คือ

๑.นางทองดี

๒.พระครูจ้อย หรือ หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ

๓.พระภิกษุสิงห์

 ๔.นางแต๋ว

 ๕.นางหนู

 ๖.พระภิกษุสุเทพ

หลวงพ่อจ้อย อุปสมบทเมื่อวันที่ ๗พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ที่วัดดอนหวาย ตำบลพรวงสองนาง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี โดยมีพระปลัดตุ้ยเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญธรรมเป็น พระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์บุญตา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ฉายา จนฺทสุวณฺโณ ซึ่งแปลว่า ผู้มีผิวพรรณงามดั่งพระจันทร์

ในขณะที่หลวงพ่อได้ไปตั้งต้นเดินธุดงค์ที่ทางภาคเหนือลงมาตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ลงมาจนถึงจังหวัดนครปฐมระหว่างนั้นได้มีการศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์ หลายรูป เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อำเภอบางไพร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้ทำการเรียนวิชาการทำตะกรุดโทน ผ้าประเจียด การทำน้ำมนต์ เกี่ยวกับยันต์มหาอำนาจ

หลังจากนั้นหลวงพ่อได้เดินทางไปเรียนวิชาต่อกับหลวงพ่อฉาบ วัดคลองจัน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท โดยได้ทำการเรียนวิชาการเขียนลบผงอิทธิเจ ปถมัง พุทธคุณ และมหาราช ต่อจากนั้นได้เดินทางไปหาหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ต่างๆแก่กัน โดยหลวงพ่อได้เรียนวิชา พระคาถานะ๑๐๘หัวใจ ธาตุทั้ง๔ และหัวใจพระคาถาต่างๆ และหลวงพ่อยังได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาวิชาอาคมกับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยได้ศึกษาวิชาการทำ มีดหมอเทพศัสตราวุธ สักกัสสะวชิราวุธทัง ปลายันติ

ซึ่งถือได้ว่าหลวงพ่อเดิมนั้นเป็นเกจิชื่อดังในสมัยนั้นหลังจากเรียนอาคมเสร็จแล้วก็ไปศึกษาต่อกับหลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้ศึกษาวิชาการหุงน้ำมัน และวิชาการประสานกระดูกต่างๆ ตลอดจนกระทั่งได้ไปศึกษาภาษาขอมลาว หรือตัวธรรมกับอาจารย์คำภา ทางภาคอีสานซึ่งอาจารย์คนนี้ได้มีโอกาสเดินทางผ่านมายังจังหวัดนครสวรรค์หลวงพ่อจึงได้ถือโอกาสศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ

ซึ่งภายหลังตำราหรือวิชาอันนี้หลวงพ่อจ้อยได้มอบตำราและถ่ายทอดวิชา การทำน้ำมนต์ให้กับ พระครูนิทัศน์ประชานุกูล รองเจ้าอาวาสได้เก็บดูแลและรักษาไว้

ริอาจโกหก..ขโมยกระเป๋าเงิน แต่ไม่ยอมรับ "หลวงพ่อจ้อย วาจาสิทธิ์" เพียงพูดสั้นๆ..ตาเริ่มบอดสนิท แต่เมื่อนำมาคืน กลับมองเห็นทันที..

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

http://www.sriutumpron.com/content/10421

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา