ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

แกนี่อวดดีนักนะ!! เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ เจอ "ตากัน ยอดนักเลงจอมขมังเวทย์" จึงลองวิชา..จับถ่วงน้ำ เผย..ถ้าตายก็เอาไปฝังบนเกาะให้เป็นผีเฝ้าเกาะ!!

           เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ท่านเป็นชายชาตรี ใช้ชีวิตกลางแจ้งเพื่อศึกษาชีวิตของราษฎรตามหัวเมืองต่างๆ และที่สำคัญท่านชื่นชอบพุทธเวท ไสยเวท เป็นอย่างมาก 

           ครั้นเสด็จในกรมไปตากอากาศทางเรือ  พอถึงสัตหีบก็เอาเรือเล็กลงเพื่อเที่ยวหายิงสัตว์ให้เพลิดเพลินบนเกาะ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นนกกระยางฝูงหนึ่งบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทรงประทับปืน ร.ศ. และเหนี่ยวไกยิงทันที น่าประหลาด ลูกกระสุนปืน ร.ศ. กลับไม่ระเบิด พยายามยิงหลายครั้งก็ยิงไม่ออกอยู่ดี เสด็จในกรมทรงประหลาดพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงสงบนิ่งหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง จึงลืมพระเนตร รำพึงขึ้นว่า

"ชะรอยจะต้องมีผู้มากอาคมอยู่บนเกาะแห่งนี้แน่"

แกนี่อวดดีนักนะ!! เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ เจอ "ตากัน ยอดนักเลงจอมขมังเวทย์" จึงลองวิชา..จับถ่วงน้ำ เผย..ถ้าตายก็เอาไปฝังบนเกาะให้เป็นผีเฝ้าเกาะ!!

          จากนั้นพระองค์ทรงพระราชดำเนินชมแมกไม้ไประยะหนึ่ง ก็เหลือบเห็นกระต๊อบเล็กอยู่หลังหนึ่งมุงด้วยจาก  เสด็จในกรมจึงแวะเข้าไปดูพร้อมกับมหาดเล็ก ขณะเดียวกัน  ประตูกระต๊อบเปิดออก ชายวัย ๕๐ ปีเศษ ก้าวเดินออกมา เขามองดูเสด็จในกรมและมหาดเล็กอย่างเฉยชา แล้วพูดด้วยซุ่มเสียงขึงขังว่า

"นี่..พวกนี้จะมาล่าสัตว์ในป่านี้ไม่ได้นะ"   

เสด็จในกรมทรงพระสรวลก้องพลางตรัสว่า

"สัตว์ในป่านี้แกเลี้ยงไว้ตั้งแต่เมื่อไร..แกชื่ออะไรล่ะ"  ชายสูงอายุตอบ  "ชื่อกัน" 

เสด็จในกรมถามอีก "ทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่กลัวเสือกินหรือ"

ตากันก็ตอบว่า "ไม่อยากอยู่ใกล้มนุษย์มันเหม็นสาบ ข้าอยู่ที่นี่นายแล้ว  ตกเบ็ดหาปลา เก็บผักเก็บหญ้ากิน เลี้ยงตัวคนเดียวสบายใจดี แกล่ะเป็นใคร บังอาจมายิงสัตว์ในป่าที่ข้ารักษาอยู่  ในแถวนี้ไม่มีใครกล้ามารังแกสัตว์ในเกาะนี้หรอกนะ" 

ตากันบอก เสด็จในกรมได้ฟังคำพูดเย่อหยิ่งของตากัน  ทรงรู้สึกหมั่นไส้เหลือกำลัง จึงตรัสออกไปว่า

"แกนี่รู้สึกอวดดีนักนะ  เดี๋ยวก็จับตัวไปถ่วงลงในอ่าวให้ขาดใจตายเสียเลย"

ตากันได้ฟังก็หัวเราะลั่นไม่แยแสคำขู่ แล้วยังพูดท้าทายอีกว่า

"อย่าว่าแต่อ่าวแค่นี้เลย ในท้องทะเลข้ายังเคยเดินเล่นนั่งเล่นหลายๆ วันเลย พวกเอ็งเก่งจริงจับข้าใส่กระสอบมัดเอาไปถ่วงในอ่าวได้เลย"

 

แกนี่อวดดีนักนะ!! เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ เจอ "ตากัน ยอดนักเลงจอมขมังเวทย์" จึงลองวิชา..จับถ่วงน้ำ เผย..ถ้าตายก็เอาไปฝังบนเกาะให้เป็นผีเฝ้าเกาะ!!

            เสด็จในกรมถูกลองดีอย่างนี้มีหรือจะทรงยอม และอยากดูของดีจากตากันด้วย ทรงรับสั่งมหาดเล็กที่ติดตามมาด้วยช่วยกันจับตากันมัดใส่กระสอบ เอาขึ้นเรือเล็กไปถ่วงที่เรือรบจอดทอดสมออยู่ โดยเอาเชือกโยงปากกระสอบติดไว้กับเรือรบ  ทั้งยังทรงรับสั่งอีกว่า

"ถ่วงให้นานครบ ๒๔ ชม. แล้วค่อยเอาขึ้น ถ้าตายก็เอาไปฝังบนเกาะให้เป็นผีเฝ้าเกาะไปเลย" (กล่าวกันว่าเสด็จในกรมทรงทราบดีว่า "ตากัน" มีวิชาไสยเวทย์พอตัว จึงเกิดการลองวิชากันขึ้น) 

            ครั้นครบ ๒๔ ชม. ทหารเรือก็ช่วยกันดึงกระสอบขึ้นมาบนเรือ แล้วแก้มัดปากกระสอบออก  ทุกคนต้องตะลึงเพราะเห็นตากันนั่งขัดสมาธิยิ้มแฉ่ง เชือกที่เคยมัดมือมัดเท้าหลุดออกหมด ตากันลุกขึ้นแล้วคลานเข่าเข้ามากราบเสด็จในกรม (คงทราบแล้วว่าคนที่ตนท้าทายเป็นเชื้อพระวงศ์) พระองค์จึงตรัสว่า 

"ตากัน แกมีวิชาอะไรดี"

ชายขมังเวทย์รีบทูลตอบ "เกล้ากระผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าจึงมีวิชาอาคมติดตัวอยู่บ้างพะยะค่ะ"

แกนี่อวดดีนักนะ!! เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ เจอ "ตากัน ยอดนักเลงจอมขมังเวทย์" จึงลองวิชา..จับถ่วงน้ำ เผย..ถ้าตายก็เอาไปฝังบนเกาะให้เป็นผีเฝ้าเกาะ!!

(หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า)

เสด็จในกรมทรงได้ยินเช่นนั้นก็ปีติยินดีอย่างยิ่ง ตรัสบอกไปว่า 

"เออ..เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันกับฉันนะสิ" 

แล้วพระองค์ได้ให้เรือเล็กไปส่งที่ฝั่ง  พร้อมทั้งมอบอาหารการกินที่จำเป็นไปด้วย ในเวลาต่อมาจึงเรียกอ่าวแห่งนี้ว่า "อ่าวตากัน"

 

แกนี่อวดดีนักนะ!! เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ เจอ "ตากัน ยอดนักเลงจอมขมังเวทย์" จึงลองวิชา..จับถ่วงน้ำ เผย..ถ้าตายก็เอาไปฝังบนเกาะให้เป็นผีเฝ้าเกาะ!!

(หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ)

 

             ส่วนตากันนั้นชาวบ้านย่านสัตหีบและบางเสร่นั้นศรัทธากันมาก จนเป็นที่เลื่องลือว่า แกเก่งด้านกสิณ สามารถที่จะใช้อำนาจจิตบังคับธรรมชาติได้ เช่น ห้ามฝน  ลุยไฟ ล่องหน  กำบังตน เรียกลมเรียกฝนได้ มีวัตถุมงคลที่แกสร้างจนดังสืบมาทุกวันนี้คือ  "ปลัดขิก"  ซึ่งทำมาจากกัลป์ปังหา ซึ่งมีอยู่ในท้องทะเล ถือเป็นของขลังตามธรรมชาติ  ว่าวันว่า หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการทำปลัดขิกนั้น ก็ร่ำเรียนวิชามาจาก "ตากัน"  นี่แหละ

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.dharma-gateway.com