- 30 ก.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
เรื่องราวประทับใจเกี่ยวพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของปวงชนชาวไทย ที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ข้าราชบริพารที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทพ่อหลวงอย่าใกล้ชิด ได้เล่าถึงในหลวงว่า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรอย่างมาก ดร.สุเมธ ได้เล่าว่า
ผมเคยเข้าเฝ้าฯ กราบพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในวันที่ผมอายุ ๖๐ ปี เป็นวัยที่ต้องเกษียณ พระองค์ท่าน รับสั่งว่า…
"แล้วฉันล่ะ"
วันนั้นผมอายุ ๖๐ ปี แต่พระองค์ทรงเจริญพรรษา ๗๒ พรรษา นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ ผมไม่กล้าเอ่ยถึง คำว่า "เกษียณ" อีกเลย ผมจึงเปลี่ยนมาเป็นขอพระราชทานพรในวันคล้ายวันเกิดแทน และพระองค์ทรงมักจะให้พร ในทำนอง ว่า…
"ขอให้แข็งแรงนะ ขอให้มีพละกำลังกายที่แข็งแรง เพื่อที่จะทำประโยชน์ให้คนอื่นได้" หรือ…
"ขอให้มีความสุข ในการทำประโยชน์ เพื่อคนอื่น" คำพระราชทานพร มักจบลงด้วยงาน หรือการทำเพื่อคนอื่นเสมอ
ปีที่ผมเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลพระองค์ว่าอายุครบ ๗๒ ปี (ดังนั้นในหลวงทรงเจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา) พระองค์ท่านทรงนิ่งไปสักพักหนึ่ง แล้วทรงยกพระหัตถ์มาจับบ่าผมเขย่า แล้วรับสั่งว่า
"สุเมธ งานยังไม่เสร็จ สุเมธ งานยังไม่เสร็จ" รับสั่งอย่างนี้ ถึง ๒ ครั้ง
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงห่วงเรื่องงาน ห่วงทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง
นับได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักมากที่สุดในโลก พระองค์ทรงทุ่มเทตรากตรำพระวรกายอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า ๗๐ ปี ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ เพิ่มความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ และทรงหาทางช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ท่าน โดยเฉพาะผู้ที่ด้อยโอกาสยากจนมีปัญหาอุปสรรคในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ให้ได้มีโอกาสและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://welovethaiking.com
หนังสือ "ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน" โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
เพจ เดินตามพ่อ