"คุณค่า" มีความหมายมากกว่า"ราคา" จิตอาสา4ล้านคนเต็มใจช่วย พระราชพิธีฯ ไม่รับค่าตอบแทนสักบาท เมืองไทยไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมองทุกอย่างเป็นเงิน

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

"คุณค่า" มีความหมายมากกว่า"ราคา" จิตอาสา4ล้านคนเต็มใจช่วย พระราชพิธีฯ ไม่รับค่าตอบแทนสักบาท เมืองไทยไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมองทุกอย่างเป็นเงิน

กรณีที่มีสื่อต่างชาติหลายสำนักนำเสนอข่าวงบประมาณการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในทำนองวิพากษ์วิจารณ์นั้น ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก Boriphat Sangpakorn ได้เผยแพร่ข้อความ โต้แย้งการนำเสนอข่าวของสื่อต่างชาติไว้อย่างน่าสนใจ

โดยระบุว่า "คุณค่า" ที่ได้จากการจัดงานครั้งนี้มีความสำคัญและมีความหมายมากกว่า "ราคา" ซึ่งรากเหง้าวัฒนธรรมทางตะวันตกมีความซับซ้อนน้อยกว่าวัฒนธรรมตะวันออกไม่มีทางเข้าใจได้ง่ายๆ

 

ซึ่งข้อความทั้งหมดที่เผยแพร่มีความดังนี้

"คุณค่า" มีความหมายมากกว่า"ราคา" จิตอาสา4ล้านคนเต็มใจช่วย พระราชพิธีฯ ไม่รับค่าตอบแทนสักบาท เมืองไทยไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมองทุกอย่างเป็นเงิน

เงิน 90 ล้าน USD สำหรับกิจกรรมทางวัฒนธรรมไม่กี่วัน อาจจะมองว่ามากอยู่ก็ไม่ผิดอะไร แต่ในแง่ความคุ้มค่า การที่มีคนร่วมกิจกรรมกว่า 19 ล้านคน แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มครับ เอาจริงๆ นะครับ ตัวเลขผู้เข้าร่วมกิจกรรมมันมากกว่านี้ แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา รวมถึงเจ้าหน้าที่-จิตอาสา ที่ติดภาระกิจไม่อาจถวายดอกไม้จันทน์ได้ นี่แค่นี้ก็แทบจะพอๆ กับการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วนะ(เลือกตั้งครั้งหลังสุดคนออกมาใช้สิทธิ์ 20 ล้านคน งบ 4,000 ล้านบาท)

 

ถามว่าจะมีกิจกรรมไหนบ้างครับในโลกปัจจุบัน ที่คนสามารถยอมตากแดดตากฝนนานครึ่งค่อนวันเพียงเพื่อเข้าไปกราบพระบรมศพในพระบรมมหาราชวังพียงไม่กี่ชั่วนาที นี่ถ้าให้ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์บนพระเมรุมาศด้วย เห็นจะต้องสมโภชพระบรมศพตามประเพณีแต่เดิมที่จัดต่อเนื่องกว่า 14 วัน แล้วจึงค่อยถวายพระเพลิงแน่ๆ ครับ ถามว่ามีประเทศไหนบ้างครับที่คนขอมาช่วยงานโดยไม่ได้ค่าตอบแทน จำนวน 4 ล้านคน นี่คือยอดจิตอาสาที่มาช่วยงานพระบรมศพ ในกว่า 800 แห่งที่จัดกิจกรรมทั่วประเทศ

 

เอาเข้าจริงคนทุกชนชาติต่างก็มีวัฒนธรรมประเพณี ไม่ว่าไทย จีน ฝรั่ง การจะมาพูดว่าฟุ่มเฟือยหรือประหยัดมันไม่ใช่เรื่อง ที่เราเห็นว่าฝรั่งเขาใช้เงินน้อยกว่าเรา ไม่ได้แปลว่าเขาประหยัดกว่า หากแต่เป็นเพราะรากฐานทางวัฒนธรรมมันต่างกัน ความพิถีพิถันของพิธีกรรมจึงต่างกัน เราเห็นว่าฝรั่งพิธีน้อยไม่ได้แปลว่าจ่ายน้อยนะครับ ค่าโลง ค่าสุสาน และอื่นๆ จิปาถะ ถ้าวัดกันจริงๆ พวกนี้ใช้ของหรูกว่าเราเยอะ ก็พวกยุโรปเพิ่งจะพ้นยุคกลางมาไม่กี่ร้อยปีนี่เอง จะมาเทียบกับวัฒนธรรมทางเอเชียที่มีพัฒนาการต่อเนื่องมานับพันๆ ปีอย่างไรได้ เราบอกเราเป็นคนไทย ไม่ได้หมายความว่าอารยธรรมเรา 700-800 ปี นะครับ วัฒนธรรมของเรามีวิวัฒนาการต่อยอดมาจากอารยธรรมจากทั้งจีนทั้งอินเดีย

 

ไม่ว่าชนชาติไหนต่างก็บำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติตนทั้งนั้นครับ แต่เนื่องจากพวกฝรั่งเพิ่งก่อร่างวัฒนธรรมเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี่เอง หลังจากที่ได้ทำลายอารยธรรมกรีก-โรมัน เมื่อพันปีก่อน ดังนั้นในยุโรปจึงขาดรากฐานพัฒนาการของวัฒนธรรมสังคม ฝรั่งจึงเน้นบำรุงวัฒนธรรมทางวัตถุมากกว่าที่จะบำรุงวัฒนธรรมสังคม ซึ่งในเอเชียวัฒนธรรมมันหมายถึงคนในสังคมมีส่วนร่วม ร่วมกันคิดร่วมกันสร้าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางสังคมหรือที่เป็นศิลปะวัตถุ และมีพัฒนาการสืบเนื่องมาหลายพันปี

 

ด้วยเหตุนี้ฝรั่งจึงรู้จักเพียงแค่การหว่านเงินแบบโง่ๆ เพียงเพื่อรักษาอิฐหักๆ กระเบื้องแตกๆ แต่ไม่รู้จักการรังสรรค์วัฒนธรรมให้เกิดการผลิบานใหม่ๆ เกิดขึ้น ถามว่าฝรั่งโง่มากแค่ไหน อันนี้ผมตอบไม่ได้หรอก จริงอยู่ว่าอิฐหักๆ กระเบื้องแตกๆ ก็มีค่าควรรักษาอยู่ แต่ถามว่าวัฒนธรรมที่มีลมหายใจ กับวัฒนธรรมที่ไม่มีลมหายใจ คุณว่าวัฒนธรรมแบบไหนมีคุณค่ามากกว่ากัน แล้วอย่างนี้คุณก็น่าจะคิดต่อได้แล้วว่าควรจะถมเงินทำตู้กระจกใส่ "วัฒนธรรม" ให้คนถ่ายรูปความเจริญที่ผ่านไปแล้ว หรือปรารถนาจะให้คนได้สัมผัสกับลมหายใจของวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิต

 

ประเทศของเราถ้าร่ำรวยเหมือนฝรั่ง เราก็ทำพิพิธภัณฑ์ดีๆ ทำหอศิลป์ดีๆ ได้ไม่แพ้ฝรั่งหรอกครับ เพราะพิพิธภัณฑ์ดีๆ ในยุโรป ศิลปวัตถุจำนวนมากต่างล้วนปล้นไปจากเอเชีย แต่ฝรั่งมีเงินทำพิพิธภัณฑ์ ทำหอศิลป์ ผมไม่แน่ใจว่าชาติตะวันตกจะมีปัญญารังสรรค์วัฒนธรรมที่แฝงคติแนวคิด และสะท้อนถึงพัฒนาการทางสังคม รวมถึงเป็นกิจกรรมที่คนในสังคมมีส่วนร่วมแบบชาวเอเชียอย่างเราได้หรือเปล่า

 

พระเมรุมาศใช้เงินสร้างพันกว่าล้านบาท แม้จะใช้งานไม่กี่วัน แต่หลังงานเปิดให้เข้าชม จะมีประชาชนเข้าชมไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน ถามหาความคุ้มค่า บอกได้คำเดียวว่าคุ้มเกินคุ้มครับ นี่ถ้าเป็นกิจกรรมของยุโรปก็คงเป็นเวิลด์เอ็กซ์โปมั้งครับ เป้าหมายเวิลด์เอ็กซ์โปคือเป็นงานแสดงอัตลักษณ์ของแต่ละชาติ นอกจากการหว่านเงินเพื่อข่มประเทศที่จนกว่า ถามว่ามันมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ถามต่อไปว่าการพยายามเค้นอัตลักษณ์มาข่มกัน เคยคิดกันบ้างไหมว่าที่อวดๆ กันมันคืออัตลักษณ์หรือสัญลักษณ์ของความเจริญในชาติจริงๆ มันสะท้อนจิตวิญญาณของชาติได้แค่ไหน

 

เวิลด์เอ็กซ์โป โอลิมปิก อะไรทำนองเนี่ยหว่านเงินไม่ใช่หมื่นล้านนะ เขาว่ากันหลักแสนล้าน ล้านล้านกันโน่น ไม่ยักบ่นว่าฟุ่มเฟือยเลย ถลุงเงินเล่นๆ ไม่กี่สิบวัน แต่ไม่สามารถสะท้อนแนวคิด ไม่สามารถสะท้อนภูมิปัญญา ไม่สามารถสะท้อนอารยธรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเลย จัดรอบๆ นึงก็จบไป ขึ้นรอบใหม่ก็เวียนซ้ำๆ เดิมๆ ไป ไม่ได้มีพัฒนาการอะไรเลย ประชาชนมีส่วนร่วมจริงๆ เท่าไหร่ครับ ถ้าไม่มีเงินซื้อตั๋วนี่ดูทีวีที่บ้านไปเถอะครับ

 

ถ้าจะพูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ กับศิลปวัฒนธรรมกันนะครับ งานพระเมรุถ้าหากเอารูปปั้นเทวดาหรือสัตว์หิมพานต์ออกประมูล ตัวๆ นึงก็ได้ครึ่งล้านเป็นขั้นต่ำแหละครับ หรือถ้าเก็บค่าชม 500 บาทยังถือว่าถูกด้วยซ้ำไปครับ แต่ว่าอารยธรรมของชาติเราไม่ได้อดอยากปากแห้งขนาดที่จะต้องหลับหูหรือลืมตาเป็นเงินเป็นทองไปหมด ถ้าหากจะทำการพระเมรุถวายเป็นพระเกียรติยศด้วยเงินบริจาค ต่อให้ตั้งเป้าหมื่นล้านก็ทำได้ครับ และจัดเต็มแบบโบราณได้ด้วย สมัยโบราณพระเมรุมาศสูงสามเส้น(ประมาณ 150 เมตร-พระเมรุมาศปัจจุบันราว 50 เมตร) ในพระเมรุมาศก็มีพระเมรุทองสูงราว 20 เมตรอีก ระยะเวลาพระราชพิธี 14 วัน แห่พระบรมสารีริกธาตุมาสมโภชที่พระเมรุมาศก่อน 2 วัน แห่พระบรมอัฐิบูรพกษัตริย์มาสมโภชอีก 2 วัน วันที่ห้าจึงเชิญพระบรมศพมาสมโภชต่ออีก 7 วัน ก่อนถวายพระเพลิง หลังจากนั้นก็สมโภชพระบรมอัฐิต่ออีก 3 วัน และกระบวนแห่ก็ไม่ใช่ราชรถองค์สององค์แค่นี้ มีกระบวนราชรถประกอบพระอิสริยยศอีกเป็นสิบองค์ครับ

 

เจรจากับคนที่เกิดในสังคมที่มีพัฒนาการทางวัฒนธรรมไม่ซับซ้อนมันพูดยากครับ เปลืองพลังงานเรา เปลืองเวลาเรา ไหนเลยจะเข้าใจลมหายใจของวัฒนธรรมทางสังคม วัฒนธรรมที่คนในสังคมมีส่วนร่วม

"คุณค่า" มีความหมายมากกว่า"ราคา" จิตอาสา4ล้านคนเต็มใจช่วย พระราชพิธีฯ ไม่รับค่าตอบแทนสักบาท เมืองไทยไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมองทุกอย่างเป็นเงิน

"คุณค่า" มีความหมายมากกว่า"ราคา" จิตอาสา4ล้านคนเต็มใจช่วย พระราชพิธีฯ ไม่รับค่าตอบแทนสักบาท เมืองไทยไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมองทุกอย่างเป็นเงิน

"คุณค่า" มีความหมายมากกว่า"ราคา" จิตอาสา4ล้านคนเต็มใจช่วย พระราชพิธีฯ ไม่รับค่าตอบแทนสักบาท เมืองไทยไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมองทุกอย่างเป็นเงิน

 

ขอขอบคุณภาพจาก นาย นริส พิเชษฐพันธ์

อาจารย์ประจำ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย