คาใจอะไรนักหนา!! เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ "20 ปีแรกของการทรงงาน" ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

คาใจอะไรนักหนา!! เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ "20 ปีแรกของการทรงงาน" ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล !!

            จากกรณีดราม่าในโลกออนไลน์ หลังจากที่สื่อต่างชาติ รายงานข่าวเกี่ยวกับงบประมาณในการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าเป็นจำนวนเงินถึง 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นค่าเงินไทยประมาณ 2,700 ล้านบาท และทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์อย่างมาก

คาใจอะไรนักหนา!! เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ "20 ปีแรกของการทรงงาน" ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล !!

ล่าสุดผู้ใช้เฟสบุ๊ค Boriphat Sangpakorn ได้โพสต์ถึงกรณีงบประมาณในการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 มีข้อความว่า

          งบการพระเมรุกลายเป็นโอละพ่อนะครับ ปรากฎว่า ไม่ใช่ 90 ล้าน USD แต่อยู่ที่เพดานไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งก็สมเหตุสมผลอยู่เพราะทำใหญ่กว่าพระเมรุหนที่ผ่านมาราว 2-3 เท่า ก็น่าจะสิ้นค่าก่อสร้างราวๆ 800 ล้านบาท ตีว่าค่าใช้จ่ายต่อเนื่องอื่นๆ รวมแล้วก็พันกว่าล้าน มีคำถามว่าตัดเงินลงไปแล้วเอาไปช่วยคนจน เพราะเราเป็นประเทศยากจน มันจะไม่ดีกว่าหรือ ผมอยากเรียนอย่างนี้ครับ ถ้าหากตัดเงินพันกว่าล้านลงไปแล้วทำให้คนทั้งประเทศมันหายจน ก็คงไม่มีใครขัดข้องที่จะให้ตัดหรอก

          เอาเข้าจริงแล้วเงินบริจาคที่ประชาชนถวายเป็นพระราชกุศล 800 กว่าล้านบาท รวมกับเงินที่ได้จากการขายสมุดไดอารี่ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 100 ล้านบาท ซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่โรงพยาบาลศิริราช จำนวนเงินเพียงเท่านี้ก็เพียงพอจะจัดการพระเมรุได้สบายๆ โดยไม่ต้องเดือนร้อนรัฐบาลเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งว่าเงินส่วนนี้จะหายไปไหนก็หาไม่ ต่อไปก็จะพระราชทานเป็นสาธารณะประโยชน์จนสิ้นเชิง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกันนี้ิิ ติดใจอะไรกันครับ

 

คาใจอะไรนักหนา!! เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ "20 ปีแรกของการทรงงาน" ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล !!

          เงินพันกว่าล้านบาทที่รัฐบาลจ่ายเพื่อพระเกียรติยศถามว่ามากไปหรือไม่ครับ ถ้าจำไม่ผิดสารคดี Soul of a Nation ถ่ายทำช่วงปี 2521 ประเมินว่า ผ้าห่มเครื่องกันหนาว ชุดนักเรียน ที่ทรงพระราชทานต่อปีอยู่ที่ราวๆ 100,000 ชิ้น ตลอดระยะเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินท้องที่ต่างๆ ในระยะต้น โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล จนกระทั่งรัฐบาลพลเอกเปรมจึงได้จัดสรรงบประมาณให้ สำนักงาน กปร. หมายความว่าช่วง 20 ปีแรกของการทรงงาน เงินที่ใช้คือพระราชทรัพย์ที่รัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง

           พ.ศ.2493 ในการประชุมสภามี ส.ส. ท่านหนึ่งตั้งกระทู้ถามรัฐบาลว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีที่ดินเท่าไหร่ รัฐมนตรีการคลังได้ให้คำตอบว่าราวๆ 60,000 ไร่ (กระทู้ถามนี้ตีพิมพ์ลงราชกิจจานุเบกษา) ซึ่งเมื่อ พ.ศ.2518 รัฐบาลได้ออก พรบ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำนวนกว่า 40,000 ไร่ (คิดเป็น 2/3 ของที่ดินที่มี) ให้แก่ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเป็นประเดิม และทั้งนี้ไม่ใช่พระราชทานที่ดินเท่านั้นนะครับ ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเงินทุนเป็นทุนประเดิมให้แก่เกษตรกรอีกเกือบ 200 ล้านบาท

          ในปีที่ผ่านมาเราคงจะได้ทราบกันแล้วเกี่ยวกับการลงทุนสาธารณูปโภค มีอยู่โครงการนึงครับเป็นโครงการวิจัยยาชีววัตถุ ซึ่งโครงการนี้รัฐบาลอนุมัติเมื่อปีที่แล้ว(2559) มูลค่าการลงทุน 2,201 ล้านบาท แต่โครงการนี้ไม่ได้อาศัยงบประมาณแผ่นดินนะครับ รัฐบาลให้เอกชนลงทุน และบริษัทที่ลงทุนก็คือ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผู้ถือหุ้นคือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ปี 2554-2558 ลงทุนไปแล้ว 4,800 ล้านบาท ยังไม่เคยได้กำไร และขาดทุนสะสมมาแล้วไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท(ซึ่งจะลงทุนเพิ่มอีก 2,201 ล้านบาท ดังที่ผมกล่าวไปแล้วข้างต้น) นี่คือโครงการวิจัยทางการแพทย์ที่ต้องใช้เงินสูง ระยะเวลาคืนทุนนาน อีกทั้งยาชีววัตถุเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ค่อนข้างใหม่มากๆ

          ผมไม่แน่ใจว่าองค์กรในพระบรมราชูปถัมภ์มีเท่าใด แต่หนึ่งในนั้นมีโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อสัก 6-7 ปีที่แล้ว ผมเคยอ่านวารสารของโรงเรียนฉบับหนึ่ง มีบทความหนึ่งเปิดเผยว่าโรงเรียนได้รับพระราชทานเงินอุดหนุนจากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กว่าร้อยล้านบาทต่อปี ซึ่งเงินส่วนนี้เป็นดอกผลที่ได้จากค่าเช่าที่ดินซึ่ง ร.6 พระราชทานให้โรงเรียนเก็บผลประโยชน์ ทว่าที่ดินเหล่านี้อยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงมีอัตราค่าเช่าที่ถูกมาก ดังนั้นรายได้จากค่าเช่าจึงอยู่ที่หลักสิบล้าน หมายความว่าส่วนที่เหลือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์หามาเติมให้ นี่คือพระมหากรุณาธิคุณ

          ในบรรดาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ ผมต้องขออภัยจริงๆ ครับ ที่จะต้องเรียนตามตรงว่าผมไม่มีความสามารถที่จะจำได้หมด ดังที่ผมได้กล่าวข้างตน ผมยกตัวอย่างมาเพียง 4 กรณี หรือประมาณไม่ถึง 0.1% ของพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีแก่ปวงชนชาวไทย กระทั่งว่าองค์กรระหว่างประเทศยังให้ความยอมรับ ถ้าอยากทราบว่าองค์กรไหนทูลเกล้าถวายรางวัลอะไรบ้างไปกดดูในวิกิพีเดียก็ได้ครับ ง่ายดี

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook Boriphat Sangpakorn

คาใจอะไรนักหนา!! เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ "20 ปีแรกของการทรงงาน" ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล !!