อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

วันนี้ ได้มีผู้ที่ใช่ชื่อเฟสบุ๊คว่า Sornsak Ott Ekkarattana ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารริมน้ำปิงแห่งหนึ่ง ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว เกี่ญวกับประเพณี โคมลอย ในวันลอยกระทง ว่า ที่จริงแล้วโคมลอยไม่ได้มีมาแต่โบราณ แต่เป็นการตลาดที่เขาคิดขึ้นมา และทำตามกันเป็นจำนวนมาก แท้จริงแล้ว โคมลอย ตั้งแต่สมัยโบราณมีไว้ใช้อย่างอื่น โดยรายละเอียดมีดังนี้...

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

เรื่องที่ผมเสียใจมากๆและเพื่อนๆที่ร้านด่าผมมากคือเรื่องลอยโคมไฟนี้ครับ เป็นเรื่องจริงที่ต้องเล่าเพื่อแก้ไข เพื่อทำความจริงให้กระจ่าง..แม้บางคนอาจซ้ำเติม
ก็ใครจะไปรู้ว่ามันจะบานปลายไปกันใหญ่ขนาดนี้ล่ะครับ
คือตัวผมเองนั้นก็นับใด้ว่าเป็นคนสูงอายุคนเมืองเชียงใหม่แท้ โตมากับประเพณียี่เป็ง เห็นมาตั้งแต่รอบนอกเมืองเชียงใหม่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็เห็นมีแต่แห่ขบวนประกวดกระทงและมีนางนพมาศนั่ง แล้วริมน้ำทุกแห่งโดยเฉพาะริมแม่น้ำปิงจะมีคนมาลอยกระทงกันเนืองแน่นเช่นเชิงสะพานนวรัฐและหน้าที่ทำการเทศบาล..ท่าน้ำหลังวัดต่างๆ ในน้ำจะเต็มไปด้วยกระทงจุดเทียนไขไหลรวมๆกัน ลอยล่องส่องสว่างมองดูเหมือนแม่น้ำไฟ สวยงามติดตาครับท้องฟ้าว่างเปล่ามีเพียงพระจันทร์สวยเด่นเต็มดวง..
แล้วคืนหนึ่งในปี'98 หรือ พ.ศ.2541..ยุคนั้นถนนขึ้นพระธาตุดอยสุเทพยังปล่อยให้คนขับรถขึ้นไปชมวิวแสงไฟของตัวเมืองยามราตรีมองลงมาสวยงามดีครับ หนุ่มสาวต่างพากันขับรถขึ้นไปเป็นกลุ่มๆ บ้างไปดึ่มเหล้าร้องเพลงเล่นดนตรี.. บ้างพลอดรักกันตามสุมทุมพุ่มไม้ สนุกกันบนนั้นยันสว่าง..
เช้าขึ้นมาถุงยางอนามัยและขยะจากขี้เมากลาดเกลื่อนดอย สมควรแล้วที่ต่อมาทางการเขาห้ามขึ้นดอยกลางคืนไปเลย..
คืนนั้นผมขึ้นไปนั่งดูดดึ่มกับเพื่อนๆ แล้วเหลือบมองบนท้องฟ้าด้านวัดพระธาตุดอยสุเทพ ผมเห็นดวงไฟประหลาดลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นระลอก สวยงามมากมีฉากหลังเป็นพระจันทร์เต็มดวง 
ผมกำลังมึนๆ ใด้แต่อุทานว่า โอสวยแฮะ...
อยากรู้ขึ้นมาทันใด จึงรีบขับรถขึ้นไปวัดพระธาตุฯแล้วเดินขึ้นบันไดนาคแทบตายแต่ก็สมหวังเพราะเจอคนแก่สองสามคนกำลังจุดไฟปล่อยเจ้าโคมไฟนี้ขึ้นสู่ฟ้า ตรงลานชมวิวของวัด ผมถามเขาว่านี่เรียกว่าอะไรครับ แกบอกว่า "ว่าวไฟ"
ผมบอกว่าไม่เคยเห็นเลย จุดทำไม?
ดูเหมือนเขาจะตอบว่าจุดไปไหว้พระจุฬามณีอะไรนี่แหละ ก็ไม่แน่ใจครับและผมไม่ใด้สนใจตรงนั้นหรอกจึงไม่อยากจำ แต่ผมสนใจเพราะว่าผมทำร้านอาหารริมน้ำ
ปิงและมองว่าอันนี้จะเป็นgimmick ไว้ให้ลูกค้าตื่นตาคืนลอยกระทงที่กำลังจะมาถึง.. จึงถามว่าเอามาจากไหน ก็ใด้ความว่าที่บ้านบ่อสร้างมีสะหล่า(ช่าง)ทำว่าวและทำดอกไม้ไฟโคมไฟต่างๆเขารับทำ รุ่งขึ้นผมจึงรีบไปตามหาแล้วสั่งทำห้าสิบลูก รู้มั้ยครับ คุณลุงคนทำแกไม่เชื่อว่าจะสั่งเยอะขนาดนั้นผมต้องชำระเงินล่วงหน้า(เดี๋ยวนี้แกร่ำรวยมากเพราะมีคนสั่งทำมากมายเป็นพันๆลูกมั้ง)
เมื่อใด้มาแล้วคืนลอยกระทงของปีนั้นผมก็มาจุดปล่อยขึ้นสู่ฟ้าที่ท่าน้ำหลังร้านทุกๆครึ่งชั่วโมง ผลคือใด้รับความสนใจจากคนทั้งในร้านและรอบคุ้งน้ำ มาขอช่วยปล่อยและถ่ายรูปกันครับ..
จำใด้ว่ามันลอยโดดเดี่ยวขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่ามีแต่พระจันทร์..
ปีนั้นโน๊ตอุดมมาแวะเที่ยวและช่วยปล่อยขึ้นฟ้า โน๊ตถามผมว่าเขาเรียกอะไรครับ...ผมยังบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็มั่วว่าปล่อยลอยทุกข์ลอยเคราะห์..แหะๆ ก็พึ่งเคยเห็นเหมือนกันนี่นา.
แล้วผมก็ทำแบบนี้ในคืนลอยกระทงปีต่อๆมาครับ แต่เพียงสองสามปีผ่านไป ตามแผงขายกระทงริมถนนจะมีเจ้าโคมไฟนี้วางขายกันพรึบทุกแผง..ท้องฟ้าเริ่มเต็มไปด้วยโคมไฟ เกิดเรื่องไฟไหม้ร้านค้าในกาดหลวง และบ้านเรือนเพราะโคมไฟหล่นใส่...
ซ้ำธุดงค์สถานของธรรมกายที่แม่โจ้ปล่อยสู่ฟ้าเป็นหมึ่นๆลูกอีก..บ้าจริงๆไฟก็ไหม้บ้านชาวบ้านมากขึ้น...ในร้านผมเองก็มีโคมไฟนี้ลอยมาติดยอดต้นฉำฉาริมร้าน กิ่งก้านติดติดไฟอยู่สูงกว่าจะดับใด้ก็โกลาหลมากครับ..เราจึงห้ามนำมาจุดในร้านและไม่ส่งเสริมอีกเลย..
ผลที่ตามมาในด้านธุรกิจนั้นแย่มากครับ เพราะก่อนจะมีโคมไฟลอยฟ้านี้ จุดศูนย์กลางของเทศกาลลอยกระทงเคยอยู่ที่ริมแม่น้ำกลับคลายความสำคัญลง..โต๊ะริมน้ำของร้านที่เคยมีคนมานั่งจับจองตั้งแต่แดดยังไม่ลับฟ้า กลับไม่เป็นเช่นนั้นแม้โต๊ะริมน้ำจะยังเต็ม แต่ความกระตือรือร้นของลูกค้าที่จะมาลอยและชมกระทงริมน้ำนั้นลดลงไปพร้อมๆกับกระทงในน้ำที่บางตาไปเรื่อยๆทุกปี หากเทียบกับบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยโคมไฟ..เพราะมันลอยขึ้นใด้จากทุกๆที่ของเมือง มันไม่ต้องการแม่น้ำ!!!..
ที่แย่อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมใด้ยินวิทยุเขาสัมภาษณ์ท่านผู้รู้ชาวล้านนาคนหนึ่ง แกบอกว่านี่เป็นประเพณีลอยกระทงดั้งเดิมของเชียงใหม่!!@!!..
แล้วทุกภาคส่วนล้วนช่วยกันประชาสัมพันธ์เผยแพร่กันไปทั่วเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว...
ผมและคุณโน๊ต อุดม แต้พานิช คงยืนยันใด้เลยว่ามันไม่เคยมีโคมไฟบ้านี้บนท้องฟ้าเมืองพิงค์ในคืนลอยกระทงก่อนปี'98 หรือ พ.ศ.2541เลยครับ
ที่เล่ามานี้เพียงอยากจะบอกเพื่อนๆว่าโคมไฟลอยนี้มันมีอยู่แล้วจริงแต่เพื่อใช้ในการอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับงานยี่เป็งหรือลอยกระทงเลย อย่ามั่ว.. ผมและคนเชียงใหม่ทั่วไปก็ไม่เคยรู้จักมันมาก่อนครับ

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

หลังจากผู้ใช้เฟสบุ๊คได้โพสต์ ข้อความดังกล่าวออกไปมีเพจดังมากมายนำเรื่องนี้ไปแชร์ หนึ่งในนั้นคือ เพจดัง Drama-addict ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ และ แสดงความคิดเห็นกันมากมาย มีทั้งบอกว่าความจริงมีมานานแล้ว จนเกิดเป็นปมดราม่าขึ้น

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อึ้งตาแตก !!! "โคมลอย" ไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิม?? แต่แท้จริงแล้วแค่การตลาดที่ผิดพลาด !!!

อ้างอิงข้อมูลจาก - Drama-addict , Sornsak Ott Ekkarattana