หลวงพ่อฤๅษีเล่าเรื่องพระอริยเจ้าที่ท่านพบบนพระจุฬามณีเจดียสถาน และอริยเจ้าที่สำเร็จแต่ไม่เคยกล่าวยกตนเองว่าเป็นอรหันต์

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

หลวงพ่อฤๅษีเล่าเรื่องพระอริยเจ้าที่ท่านพบบนพระจุฬามณีเจดียสถาน และอริยเจ้าที่สำเร็จแต่ไม่เคยกล่าวยกตนเองว่าเป็นอรหันต์
หลวงพ่อฤๅษีเล่าเรื่องพระอริยเจ้าที่ท่านพบบนพระจุฬามณีเจดียสถาน และอริยเจ้าที่สำเร็จแต่ไม่เคยกล่าวยกตนเองว่าเป็นอรหันต์
ในอริยสงฆ์ที่หลายคนบอกว่าสำเร็จเป็นอรหันต์ แล้วหลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านยังเคยกล่าวยืนยันไว้ในหลายวาระ ซึ่งบางครั้งก็มีการบันทึกลงในหนังสือคำสอนของท่าน หรือบางครั้งท่านเทศน์ไว้แล้วมีผู้บันทึกมาไว้อีกทีหนึ่งนั้น อริยสงฆ์ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ที่หลวงพ่อฤๅษีเล่าเรื่องความเป็นพระอรหันต์นั้นได้แก่

หลวงพ่อฤๅษีเล่าเรื่องพระอริยเจ้าที่ท่านพบบนพระจุฬามณีเจดียสถาน และอริยเจ้าที่สำเร็จแต่ไม่เคยกล่าวยกตนเองว่าเป็นอรหันต์
๑.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มรณภาพแล้วท่านไปพระนิพพาน
"...ขึ้นไปพระจุฬามณีเจดียสถาน บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก พอจะเข้าประตูก็พบพระอรหันต์องค์หนึ่งออกมา ท่านคือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ถามท่านว่า "หลวงพ่ออยู่ที่ไหนครับ" ท่านบอกว่า "แกยิ้มบอกเขาแล้วว่า ข้าไปอยู่นิพพาน แกมาถามข้าทำไม" ถามต่อว่า "หลวงพ่อไปหรือเปล่า ถ้าไม่ไปผมโกหกเขานะ"
          ท่านตอบว่า "ไม่โกหกหรอก ข้าไปนิพพานแน่" เรื่องที่เขาพูดหาว่าข้าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ที่ตั้งฐานกำหนดลมไว้ ๗ ฐาน เกินพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าท่านกำหนดไว้ ๓ ฐาน เขาเลยหาว่าข้าแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้า แต่ความจริงเจตนาข้ามันเป็นอย่างนี้ ไอ้คนจิตฟุ้งซ่าน ถ้ามีอารมณ์จิตเป็นสมาธิจะต้องจับหลาย ๆ แห่ง เพราะต้องระวังมากอารมณ์ถึงจะทรงอยู่ นี่เขาไม่สนใจกัน มีแกคนเดียวที่เข้าใจดี และกายเทพ กายพรหม กายธรรม กายนิพพานก็เหมือนกัน ก็มีแกคนเดียวที่เข้าใจข้า นอกนั้นเขาหาว่าข้าบ้า เอาเรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมาสอน"
          กายทิพย์ หมายความว่า ได้อุปจารฌานเล็กน้อย จัดเป็นกายทิพย์
          กายเทพ ก็เข้าถึงจุดอุปจารฌาน จะเกิดเป็นเทวดาชั้นยามาได้เหมือนกัน ถ้าพูดถึงกายภาพในเหมือนกันหมด
          กายพรหม ก็เป็นที่ทรงฌานได้ครงองค์ฌาน พอตายแล้วไปเป็นพรหม ก็เลยเรียกว่ากายพรหม
          กายธรรม ก็หมายถึงว่า ได้อริยเจ้า
          กายนิพพาน ก็หมายถึงว่า คนนั้นได้อรหันต์แล้ว
          ท่านบอกว่า "มีแกคนเดียวที่พอพูดให้ชาวบ้านเขาฟัง มันตรงตามความประสงค์ของข้านอกนั้นเขาหาว่าข้าบ้า ๆ บอ ๆ บางคนหาว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ข้าก็ไม่ว่าอะไรเขาหรอก"
          หลังจากนั้นอาตมาก็ลาท่านเข้าไปในพระจุฬามณี วันนี้พระอรหันต์เต็มเอี้ยด พรหมออกมาหมดแล้ว เทวดาก็ยังไม่กลับ พระอรหันต์เหมือนเอากาวไปวางไว้สวยสะพรั่ง ร่างกายเป็นเหมือนแก้ว พระอรหันต์นิพพานแล้วบ้าง พระอรหันต์คนบ้าง ก็สวยเหมือนกัน พระพุทธเจ้าทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีต่าง ๆ สวยมาก..."

หลวงพ่อฤๅษีเล่าเรื่องพระอริยเจ้าที่ท่านพบบนพระจุฬามณีเจดียสถาน และอริยเจ้าที่สำเร็จแต่ไม่เคยกล่าวยกตนเองว่าเป็นอรหันต์
๒.หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    "...พระอรหันต์ทุกองค์ไม่มีองค์ไหนมีความประมาทในชีวิต ยกตัวอย่างพระอรหันต์ที่มรณภาพแล้วให้ฟังองค์หนึ่งว่า พระองค์นี้ก็คือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใครไปคุยกับท่าน ท่านก็คุยธรรมะ ถ้าใครไปชมท่าน ท่านก็บอกว่าท่านยังเลวอยู่มาก หลวงปู่ท่านบอกท่านไม่มีอะไรดีเลย แต่เวลาตายแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านไม่ไปนรก สวรรค์ก็ไม่ไป พรหมโลกก็ไม่ไป ท่านไปพระนิพพาน ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไปพยากรณ์นะ คือว่าถ้าพระองค์ไหนก็ตามคิดว่าตัวไม่ดี องค์นั้นเป็นพระที่ดีที่สุด ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "บุคคลใดมีความรู้สึกตัวเองว่าเป็นพาล ตถาคตกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นบัณฑิต" คำว่า "พาล" แปลว่า "โง่" คือรู้ตัวเองว่าไม่ดี
          ทีนี้หลวงปู่ดู่ท่านคิดว่าตัวท่านเป็นพาล แต่อารมณ์จิตของท่านผ่องใส ท่านเห็นแต่ความไม่ดีของร่างกาย หมายถึงร่างกายทุกส่วนมันไม่ดี..."
จาก https://pantip.com/topic/35226656