รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

ดร.ปรัชญา เดือด!! จวก "ใบตองแห้ง" แขวะมั่ว! งานบุญเดือน๑๐มีความหมายกับชาวนคร! ฟังชัดๆ ใครกันแน่ที่โหยหวนเหมือนเปรตโหนส่วนบุญตูนก้อย!(มีคลิป)

จากกรณีที่มาของข่าวดัง เมื่อเจ้าของคอลัมนิสต์ชื่อดังที่ใช้นามปากกาว่า "ใบตองแห้ง" ได้ออกมาสวนกระแสของ “โครงการก้าวคนละก้าว” ของ ตูน บอดี้สแลม ที่มีการวิ่งออกรับบริจาคเงินช่วยเหลือ ๑๑ โรงพยาบาลทั่วประเทศ จากเบตง จ.ยะลา ถึง แม่สาย จ.เชียงใหม่ หรือจากใต้สุด สู่ภาคเหนือสุดของประเทศ เป็นระยะทาง ๒,๑๙๑ กิโลเมตร ระยะเวลาวิ่งจำนวน ๕๕ วัน ตั้งเป้าการรับบริจาคไว้ที่  ๗๐๐ บาท ในขณะนี้นั้น เขาเขียนบรรยายไว้ว่า “งานที่ตูนวิ่งอยู่นี้ เหมือนงานบุญเดือนสิบ+งานมหาอีเวนท์โชว์ ระดับชาติ" และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางทีมงานได้ขอสัมภาษณ์ อาจารย์เวทิน ชาติกุล อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และท่านได้ให้ความคิดเห็นดังนี้
 

ดร.ปรัชญา เดือด!! จวก "ใบตองแห้ง" แขวะมั่ว! งานบุญเดือน๑๐มีความหมายกับชาวนคร! ฟังชัดๆ ใครกันแน่ที่โหยหวนเหมือนเปรตโหนส่วนบุญตูนก้อย!(มีคลิป)  “"พูดแบบนี้ คนนครฯฟังครั้งแรกอาจรู้สึกไม่พอใจ เพราะผมก็เป็นคนนครฯ คนนครฯทุกคนจะรู้ดีว่างานทำบุญเดือนสิบ เป็นงานประเพณีประจำปีของคนนครฯ จะมีการรวมตัวทำบุญที่ใหญ่ แห่ผ้าขึ้นพระธาตุ และมีความหมายและความสำคัญต่อคนนครฯมากกว่างานอีเวนธรรมดางานหนึ่ง  ซึ่งมีความหมายลึกซึ่ง แต่การมาเปรียบเทียบแบบนี้ อาจเรียกอีกอย่างว่าเป็นการแดกดัน การใช้วาจาที่ไม่ได้พินิจพิเคราะห์ หรือไม่ได้คิดไตรตรองให้ถี่ถ้วน และพูดออกมาโดยไม่มีพื้นฐานความเข้าใจถึงงานประเพณี หรือ วัฒนธรรมของคนนคร"
ผู้สัมภาษณ์ได้เน้นย้ำที่ “ใบตองแห้ง” เขียนบอกว่า “เปรียบเป็นงานบุญเดือนสิบ บวกกับอภิมหาอีเวนโชว์กลางเมือง และฝนดาวตก ซึ่งจะมีเหตุการณ์ครั้งเดียวในรอบร้อยปี พันปี พลาดไม่ได้”
อาจารย์เวทิน ได้อธิบายต่อว่า ต้องบอกแบบนี้ว่า ทุกคนที่มากล่าวแบบนี้ก็ช่างเขา หรือช่างแม่มัน แต่ทุกคนจะรู้ดี ถ้าเราดูด้วยภาพที่ปรากฏ ไม่ว่าคุณตูน คุณก้อย คุณจิมมี่และทุกคนในนครฯจะรู้ดีว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งหนึ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นบ่อยๆมากนัก เท่าที่จำได้ ล่าสุดเคยมีเกิดขึ้นครั้งหนึ่งเมื่องานวันเผาท่านขุนพันธ์ ตอนนั้น คนทั้งจังหวัดมารวมกัน เหมือนครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง
แต่พอคุณใบตองแห้งเปรียบเทียบ ปากก็อยากพูดก็พูดไปแบบนี้ แต่พอเปรียบกับงานเดือนสิบ มันก็เลยนึกขึ้นได้ว่า เอ้อก็มีประเด่น เพราะงานเดือนสิบก็มีเทศกาลหนึ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลที่เรียกว่า “มีการชิงเปรต” เพราะมีความเชื่อว่า วิญญาณที่เป็นเปรต หรือ วิญาณเร่ร่อนหิวโหย มีปากเท่ารูเข็ม เพราะพูดจาอาจจะใช้คำว่า พูดในเรื่องที่ไม่ดี ไม่เป็นกุศล คนนครฯจึงทำขนมที่เรียกว่าขนมรา ที่เป็นเส้นเล็กๆไว้แย่ปากเปรตพวกนี้ให้ได้กินเป็นอาหาร  จริงๆแล้วพอได้ฟังแบบนี้ก็รู้สึกว่า คือในงานบุญเดือนสิบนี้ เขาว่ากันว่าในงานบุญเดือนสิบจะได้ยินเสียงเปรตมาร้องโหยห้วนมาขอส่วนบุญ  ผมก็คิดว่ามาเป็นแบบนี้ สิ่งที่เขาพูด หรือพิมพ์มา มันคือเสียงร้องโหยห้วนของเปรตหรือเปล่า ที่มักจะออกมาขอส่วนบุญของคนที่มาทำความดีของคุณตูน คุณก้อย คุณจิมมี่ และคนนครฯทั้งหมด เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากเปรตที่แหกปากร้องโหยห้วน 
ที่นี้ในฐานะเป็นคนที่อยู่ในจังหวัดที่ถือว่าจังหวัดของคนที่มีใจนักเลง และมีธรรมอยู่ในใจ ก็อย่าไปโกรธคนแบบนี้ เมื่อได้ยินเสียงเปรต ก็ให้ทำจิตใจให้เป็นกุศล แล้วแผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ไปกับเปรต เพื่อที่เปรตตนนั้นจะได้ไปผุดไปเกิด 
       ที่นี้งานที่เกิดขึ้นมันดีอยู่แล้วภาพสวยงาม จนทุกคนเห็นเป็นประจักษ์ด้วยจิตใจตัวเอง  เราอย่าไปทำให้สิ่งที่เป็นข้อไม่ดี หรือสิ่งที่ข้อพูดโดยพล่อยๆของคนคนหนึ่งทำให้ภาพดีๆมันเสียหายไป เจอเสียงแบบนี้ก็ให้นึกว่าในงานเดือนสิบ ได้ยินเสียงเปรตมาร้องขอส่วนบุญ

 

ดร.ปรัชญา เดือด!! จวก "ใบตองแห้ง" แขวะมั่ว! งานบุญเดือน๑๐มีความหมายกับชาวนคร! ฟังชัดๆ ใครกันแน่ที่โหยหวนเหมือนเปรตโหนส่วนบุญตูนก้อย!(มีคลิป)
ในขณะที่ใบตองแห้ง!!  ได้บอกเอาไว้ว่า “ที่เขายกตัวอย่างเรื่องนี้ขึ้นมา หรือที่พูดแบบนี้ เพราะต้องการจะวิเคราะห์ว่า สังคมไทยเป็นการเคลื่อนไหวที่ยกระดับสังคมไทยได้จริงๆหรือเปล่า จากปรากฏการณ์ของคุณตูน

จากข้อมูลข้างต้นอาจารย์เวทิน ยังบอกว่ามันเป็นเรื่องราวที่ดีดี จริงๆแล้วถือว่าเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ เพราะหากเกิดเป็นเรื่องงานศพ หรือสูญเสียบุคคลที่สำคัญไป อันนี้ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เช่นงานศพท่านขุนพันธ์ ครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการ์นิมิตหมายที่ดีในเรื่องดีดี ที่คนออกมากันด้วยน่าตายิ้มแย้ม ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้

ท่านอาจารย์เวทินได้สรุปว่า เขาจะพูดอะไร ก็อ่านให้รู้เรื่อง แล้วให้เข้าใจอย่างที่ผมบอก คือได้ยินเสียงเปรต เขาจะทำอะไรก็ให้ทำไป สิ่งที่เราทำก็คือแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้ไปเพื่อที่จะได้ไปผุดไปเกิด แค่นี้ละที่เราต้องทำ