หลวงพ่อมาได้ยังไง!! ชายหนุ่มขับรถติดหล่ม จู่ๆมีพระมาช่วยแล้วเดินหายไปขับมาถึงวัดเจอหลวงพ่อนั่งอยู่ในศาลาตั้งนานแล้ว!!

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://www.tnews.co.th

หลวงพ่อมาได้ยังไง!! ชายหนุ่มขับรถติดหล่ม จู่ๆมีพระมาช่วยแล้วเดินหายไปขับมาถึงวัดเจอหลวงพ่อนั่งอยู่ในศาลาตั้งนานแล้ว!! อัศจรรย์อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อชา


เหตุการณ์ต่อไปนี้ได้เกิดขึ้นในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ กว่า ๆ หลังจากวัดหนองป่าพงตั้งขึ้นเป็นการมั่นคงแล้วหลายปี
มีครูคนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ถูกกล่าวหาว่าขโมยพิมพ์ดีดของโรงเรียนที่ได้ทำการสอนอยู่นั้น เขาเสียใจและเจ็บใจมาก ข้อกล่าวหานี้ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ทั้งยังจะทำให้ต้องถูกโทษถึงขั้นออกจากงาน ผู้กล่าวหาเขานั้นก็รู้ตัวอยู่ว่าเป็นใคร คนขโมยจริง ๆ ก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ความผิดมาตกใส่เขาด้วยการป้ายความผิดให้อย่างน่าขยะแขยงที่สุด
เขาไม่มีทางจะแก้ไขแก้ตัวให้พ้นผิดที่ไม่ผิดนี้ไปได้ จึงเกิดความแค้นใจอย่างเหลือระงับและผูกพยาบาทอาฆาตผู้กล่าวหาเขาไว้ ถึงกับตั้งใจแน่นอนว่าจะต้องตายกันไปข้าง
เขาเตรียมปืนไว้กระบอกหนึ่ง
ภรรยาของเขาทราบความรุ่มร้อนใจของสามีได้ดี ตนเองก็กลัดกลุ้มไปด้วย ไม่รู้จะช่วยคลายทุกข์ให้สามีได้อย่างไร ยิ่งได้เห็นสามีเอาปืนออกมาใส่ลูกกระสุน ก็ยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก
ด้วยเหตุที่ภรรยาของครูคนนี้เป็นผู้ฝักใฝ่ในทางธรรมอยู่มาก เคยไปกราบนมัสการฟังเทศน์หลวงพ่อชาบ่อย ๆ จนมีความเลื่อมใส แต่สามีของเธอไม่เคยรู้จักหลวงพ่อชา ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยสนใจอะไรทั้งสิ้น ถ้าเขาเป็นผู้มีธรรมอยู่บ้าง เรื่องกลุ้มใจนี้คงไม่ถึงกับจะทำให้ต้องตัดสินใจจะไปฆ่าคนที่แสนโกรธ ธรรมะคงพอบรรเทาได้ด้วยลำพังตัวเขาเอง
ผู้เป็นภรรยามองไม่เห็นหนทางจะเปลี่ยนใจสามีได้ แต่มองเห็นวิธีขัดขวางเขาไว้ได้ชั่วขณะ จึงขอร้องให้สามีไปกราบหลวงพ่อชาเสียก่อน เมื่อกราบแล้วจะไปฆ่าใครก็ตามใจ จะไม่ห้ามเลย ขอให้ทำตามที่ภรรยาขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ขอให้เห็นแก่เธอเถิด
ผู้เป็นสามีจึงกล่าวว่า เพื่อเห็นแก่ภรรยา จะยอมไปกราบหลวงพ่อชาตามที่ขอร้อง และหลังจากนั้นอย่ามาห้ามเสียให้ยากอีกเป็นอันขาด

หลวงพ่อมาได้ยังไง!! ชายหนุ่มขับรถติดหล่ม จู่ๆมีพระมาช่วยแล้วเดินหายไปขับมาถึงวัดเจอหลวงพ่อนั่งอยู่ในศาลาตั้งนานแล้ว!!
คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญพอดี รถของสามีภรรยาครูคู่นี้เดินทางมุ่งหน้าสู่วัดหนองป่าพง พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทางรวมเป็น ๙ คน นอกจากภรรยาของครูผู้กำลังมีไฟพยาบาทเผาใจแล้ว คนอื่น ๆ ทั้ง ๘ คนเป็นผู้ที่ไม่เคยมาวัดหนองป่าพงทั้งสิ้น ทุกคนไม่เคยรู้จักหลวงพ่อชามาก่อน
รถแล่นมาถึงกลางทุ่งระหว่างทางก็เกิดติดหล่ม
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า วัดหนองป่าพงสมัยเกือบห้าสิบปีก่อน การเดินทางไปมายากลำบากที่สุด ถ้าเป็นหน้าฝนบางทีต้องใช้เวลาร่วม ๓ ชั่วโมงสำหรับระยะทางเพียงแค่ ๘ กิโลเมตรเท่านั้น เดี๋ยวนี้ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน ๑๐ นาทีก็ถึง
คนแข็งแรงทุกคนในรถช่วยกันนำรถขึ้นจากหล่มสุดกำลังแล้ว ก็ไม่สำเร็จ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ข้างนอกก็มีแต่ความมืด ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่ใกล้ ๆ พอได้อาศัยขอกำลังมาช่วยเหลือ ความท้อแท้ใจเกิดขึ้นกับทุกคน เพราะหมดทางที่เอารถขึ้นจากหล่มได้
ใครคนหนึ่งบ่นขึ้นลอย ๆ ว่า
“ถ้าหลวงพ่อเก่งจริงอย่างที่เขาเล่าลือ ทำไมไม่มาช่วยให้รถขึ้นจากหล่ม”
พอบ่นไปได้สักครู่ ทุกคนมองเห็นพระรูปหนึ่งเดินส่องไฟฉายตรงมาทางด้านหน้ารถภรรยาครูจำได้ อุทานว่า
“หลวงพ่อมา ไปช่วยรับย่ามที”
ครูคนนั้นรีบลงจากรถวิ่งไปหาพระที่ส่องไฟฉายซึ่งอยู่ห่างจากรถประมาณ ๑๐ เมตร แล้วร้องว่า
“หลวงพ่อส่งย่ามให้ผมจะถือให้”
คุณอำพร (ร้านอำพรพานิช อ.วารินฯ) ได้เตือนคนขับรถว่า
“ลองติดเครื่องรถอีกทีซิ เผื่อจะขึ้นจากหล่ม จะได้รับหลวงพ่อไปวัดด้วยกัน”
คนขับรถก็ติดเครื่อง และนำรถขึ้นจากหล่มได้ทันที
ส่วนครูคนนั้นพอวิ่งไปหาพระที่มาปรากฏตัวพร้อมด้วยไฟฉาย กลับเห็นว่าท่านเดินหนีห่างออกไป เขาก็วิ่งไล่มาจนถึงต้นตะแบก พระรูปนั้นก็หายลับไป พอดีกับรถที่ติดหล่มตามมาทัน จึงรับครูขึ้นรถเดินทางต่อจนถึงวัด
 

หลวงพ่อมาได้ยังไง!! ชายหนุ่มขับรถติดหล่ม จู่ๆมีพระมาช่วยแล้วเดินหายไปขับมาถึงวัดเจอหลวงพ่อนั่งอยู่ในศาลาตั้งนานแล้ว!!
เมื่อถึงวัดแล้วทุกคนเดินตรงไปยังศาลาโรงอุโบสถซึ่งพระสงฆ์กำลังทำสังฆกรรมอยู่ในนั้น ข้างนอกศาลามีญาติโยมนั่งฟังพระสงฆ์สวดปาฏิโมกข์อยู่หลายคน
พวกที่เพิ่งมาถึงกระซิบถามโยมคนหนึ่งที่นั่งฟังปาฏิโมกข์อยู่ข้างนอก
“หลวงพ่อมาถึงหรือยัง”
โยมที่ถูกถามทำท่างง ๆ
“เปล่านี่ หลวงพ่อไม่ได้ไปไหน ท่านอยู่ในศาลานั่นไง”
“ไม่มั้ง ” คนหนึ่งเถียง
“หลวงพ่อออกไปรับพวกผม ท่านยังส่องไฟฉายดูรถพวกผมเลย ”
“หลวงพ่อจะไปไหนได้ยังไง ถ้าท่านออกไปก็ต้องรู้ว่าท่านออกไป นี่ท่านนั่งอยู่กับพระในศาลาสวดปาฏิโมกข์ตั้งนานมาแล้ว ”
“ดูซิ ท่านมาหรือยัง” พวกมาใหม่ยังยืนกรานและบอกกันเอง
ผู้กองสมบุญ บุญญรังสรรค์ นั่งอยู่ตรงนั้นพอดีและได้ยินข้อสนทนาทั้งหมดก็หันมากล่าวกับคนขับรถว่า
“เดี๋ยวก่อน คุณเคยมาที่นี่ไหม”
“ไม่เคยครับ" คนขับรถตอบ
“เคยรู้จักหลวงพ่อไหม”
"ไม่ ครับ"
“ที่ว่าหลวงพ่อไปรับพวกคุณนั้นจำได้ไหมว่าหลวงพ่อเป็นพระองค์ไหน”
“จำได้” คนขับรถรับรอง
“มีพระอยู่ในศาลาหลายรูป คุณเข้าไปกับผมแล้วชี้ให้ดูทีว่าองค์ไหนที่คุณเห็นว่าไปรับพวกคุณ ”
คนขับรถชี้ตัวหลวงพ่อได้ถูกต้องจริง ๆ และยังย้ำว่าหลวงพ่อได้ส่องไฟมาที่รถ สามารถเห็นท่านได้ชัดเจนที่สุด
เกิดเป็นเรื่องแปลกใจแก่ทุกคน
หลังจากนั้นหลวงพ่อได้เทศน์โปรดคณะผู้มาใหม่ ข้อใหญ่ใจความในเทศน์ ได้ปลอบประโลมและบรรเทาความโกรธแค้นและพยาบาทของครูคนนั้นจนผ่อนคลายไปได้
เมื่อกลับจากวัดในคืนนั้นแล้ว ครูผู้พยาบาทก็กลับใจไม่คิดจะฆ่าใคร
ในที่สุดก็กลายมาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อตั้งแต่นั้นมา
นี่คือ “ฤทธิ์” ที่ใช้เพื่อโน้มน้าวคนเข้าสู่พระศาสนา
ภายหลังมีผู้สังเกตเห็นหลวงพ่อในเวลาทำสังฆกรรมในศาลา เล่าว่า
ตอนหนึ่งหลวงพ่อนั่งหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นป้องหน้า มองไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศด้านหน้าวัด สักครู่ใหญ่ก็เอามือลง พระก็สวดปาฏิโมกข์ไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากนี้
# ที่มา http://www.dharma-gateway.com