- 27 พ.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นอกจากจะทรงเป็นองค์อัจฉริยะแห่งยุค ผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถหลากหลาย ทั้งทางทหาร การแพทย์ การดนตรี ศิลปะ วิทยาอาคม และภาษา ทั้งไทย อังกฤษ ขอม บาลี ความเป็นเลิศของพระองค์ได้รับการยกย่องนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นองค์บิดาของทหารเรือไทย พระบิดาการแพทย์แผนไทย กระทั่ง "จอมขมังเวทย์" ใครเล่าจะเชื่อว่า ในความแกร่งแบบสุภาพบุรุษของพระองค์ ยังทรงมีความละเมียดละไมในงานครัวอีกด้วย
ความลับนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นพร้อมกับความลับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าอีกหนึ่งเมนูพระกระยาหารโปรด คือ ข้าวคลุกกะปิ เสวยกับมะเขือต้มจิ้มนํ้าพริก โดยเหตุการณ์เกิดเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จประพาสยุโรป ใน พ.ศ.๒๔๕๐ ขณะทรงกําลังประทับบนเรือพระที่นั่งชื่อ "พะม่า" ณ ประเทศอิตาลี นับเป็นวันที่ ๒๐๗ จากวันที่เสด็จออกจากสยาม
ด้วยการที่ทรงห่างเหินจากมาตุภูมิอยู่นานวัน อีกทั้งเมนูอาหารในเวลานั้นเป็นแบบตะวันตกที่ไม่ทรงคุ้นชิน ทําให้พระพุทธเจ้าหลวงเสวยพระกระยาหารเย็นได้น้อย และทรงตื่นพระบรรทมกลางดึกบ่อยครั้งด้วยความหิว ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาในหัวข้อว่า "บรรทึก (บันทึก) ความหิว" ว่า "ไปตื่นขึ้นด้วยความหิว ได้ความว่า ๑๐ ทุ่มครึ่ง นึกว่าจะแก้ได้ตามเคย คือดื่มนํ้าลงไปเสียสัก ๓ อึก จึงได้ดื่มและนอนสมาธิต่อไปใหม่" แต่ปรากฏว่าบรรทมไม่หลับ ทําให้ทรงจินตนาการถึงอาหารต่างๆที่พระองค์โปรด เช่น "แลเห็นปลากุเราทอดใส่จานมาอยู่ไนยตา ขับไล่กันพอจะจางไป ไข่เค็มมันย่องมาโผล่ขึ้นแทน แล้วคราวนี้เจ้าพวกแห้งๆ ปลากระบอก หอยหลอด นํ้าพริก มาเปนแถว เรียกนํ้าชามากินเสียครึ่งถ้วย เปิดไฟฟ้าขึ้นอ่านหนังสือ จะให้ลืมพวกผีปลา ผีหอยมาหลอก"
ทรงเข้าบรรทมอีกครั้งในเพลาเกือบยํ่ารุ่ง โดยก่อนที่เข้าบรรทมนั้น ได้ทรงมีพระราชดํารัสกับพระยาบุรุษรัตนพัลลภว่า "ข้าฝันไปว่าเสด็จยาย (สมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนฯ) ทรงปรุงข้าวคลุกกะปิให้กินอร่อยมาก ทําให้ข้าอยากกินข้าวคลุกกะปิ เจ้าเตรียมกะปิและเครื่องต่างๆสําหรับปรุงไว้ให้ข้า พรุ่งนี้ข้าตื่นนอนข้าจะคลุกเอง" เมื่อได้เพลาเช้าหลังจากพระพุทธเจ้าหลวงได้เสวยข้าวคลุกกะปิตามพระราชประสงค์เรียบร้อยแล้ว พระยาบุรุษฯ ได้บันทึกไว้ว่า"เสวยด้วยความเอร็ดอร่อยจนหมดสุ่มจานซุปที่ทรงคลุกไว้นั้น สังเกตดูพระพักตร์ยิ้มผ่องใสที่ได้เสวยข้าวคลุกกะปิ" รัชกาลที่ทรงพอพระทัยมาก ถึงกับรับสั่ง "อิ่มสบายดี... ไม่ได้มาตันอยู่หน้าอกเช่นขนมปัง" พระกระยาหารที่เหลือในหม้อนั้นทรงตักคลุกอีกครั้งหนึ่ง แล้วพระราชทานพระยาบุรุษฯ พร้อมตรัสว่า "เจ้าลองกินซิ อร่อยมาก"
เมื่อเสด็จนิวัตสยามแล้ว วันหนึ่งขณะเสด็จประพาสวังพญาไท ก็ได้มีพระราชประสงค์ที่จะเสวยข้าวคลุกกะปิ พร้อมด้วยมะเขือต้มจิ้มนํ้าพริกอีก เหตุด้วยทรงรำลึกถึงความหลัง จึงโปรดฯให้มหาดเล็กไปทูลเชิญกรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ มาเป็นผู้ปรุงเครื่องเสวย พร้อมรับสั่งให้พระยาบุรุษฯจัดการหุงข้าวและหาของหวานดั่งคราวที่ประทับบนเรือพระที่นั่ง พร้อมทรงยํ้าว่า "ไม่ต้องมีกับข้าวอื่นก็ได้ กินกันจนๆอย่างในเรือเมล์เสียสักที"
จากเหตุการณ์ทั้งสิ้นนี้ พอจะเห็นได้ว่า การเสด็จประพาสยุโรปของพระพุทธเจ้าหลวงมิได้เป็นไปด้วยความสุขสบาย เพราะการรอนแรมทางเรือนับเดือนๆในสมัยก่อนนั้น ต้องเผชิญทั้งสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่ทรงคุ้นเคย อาหารที่แตกต่างจากความคุ้นชิน และยังต้องทรงเตรียม "การบ้าน" ล่วงหน้าในการเข้าเจริญสัมพันธไมตรีกับประมุขในแต่ละชาติ แต่พระราชกรณียกิจทั้งปวงก็สำเร็จลุล่วงอย่างดี ด้วยพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถสูงยิ่งและทรง "ติดดิน"
ประการต่อมาทำให้เราได้ทราบว่า รัชกาลที่ ๕ โปรดพระกระยาหารประเภทปลา อีกทั้ง ข้าวคลุกกะปิกับมะเขือต้มจิ้มนํ้าพริก คืออีกหนึ่งพระเมนูโปรด และประการสําคัญ คือ โดยปกติพระพุทธเจ้าหลวงจะทรงพิถีพิถันเรื่องพระกระยาหารมาก คือเมนูไม่ต้องพิเศษ แต่ต้อง "ถูกปาก" จึงจะโปรดเสวย ฉะนั้นการที่พระองค์โปรดฯให้กรมหลวงชุมพรฯเป็นผู้ปรุงเครื่องเสวยนั้น ย่อมแสดงว่า นอกจากกรมหลวงชุมพรฯจะต้องทรงเป็นเรื่องงานครัวอยู่แล้ว ก็คงทรงมีความชํานาญด้านทำอาหารระดับหาตัวจับยากทีเดียว ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าหลวงคงมิทรงมีพระรับสั่งให้ทรงปรุงพระกระยาหารถวาย ถึงกับออกพระโอษฐ์ชม "เออใช้ได้"
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ มูลนิธิราชสกุลอาภากร