ว่าด้วยความเชื่อ "กรอบรูปศักดิ์สิทธิ์" ของย่า

ว่าด้วยความเชื่อ "กรอบรูปศักดิ์สิทธิ์" ของย่า ชวน หลีกภัย ประชาธิปัตย์

ว่าด้วยความเชื่อ "กรอบรูปศักดิ์สิทธิ์" ของย่า

หลังจากพาแม่ไปหาหมอเมื่อวาน ตั้งแต่เช้าจรดบ่าย ตอนค่ำๆ ก็มาช่วยแม่จัดรูปเก่าๆ ก็ไปเจอรูปนายหัวชวน ในกรอบเก่าๆ เห็นมีรอยทองคำเปลวปิดอยู่บ้างจางๆ จำได้ว่ารูปนี้ตั้งอยู่บนหิ้งที่บ้านย่า ย่าจะจุดธุปไหว้นายชวนทุกวันก่อนนอน และจะทำแกงบวดข้าวโพด (บวดคง) ของโปรดนายชวน ถวายทุกวันพระ ปิดทองในวาระพิเศษเป็นบางครั้งคราว
 
ตอนผมเด็กๆ เวลาหกล้ม ย่าก็บอกว่า “ถุยลาย ถุยลาย นายชวนช่วย เพี้ยงหายแล้ว” ผมก็ไปวิ่งเล่นซุกซนต่อได้
ตอนผมสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ที่ 19 ย่าจุดประทัดถวายนายชวน แล้วให้ผมปิดทองไหว้รูปนายชวน ทั้งๆ ที่นายชวนไม่ได้มาช่วยกวดวิชาให้ผมเหมือนญาติๆ รุ่นพี่ๆ
 
สำหรับย่าและนายชวนจึงเป็นที่รู้กันเองในหมู่ญาติๆ ว่า “ห้ามว่านายชวนให้ย่าได้ยิน” ไม่งั้นอาจโดนไล่จากบ้าน
มันเป็นภาพสะท้อนสังคมปักษ์ใต้เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วได้เป็นอย่างดีทีเดียว
จนย่าเสียชีวิต รูปนี้จึงถูกปลดลง พอมาเจออีกทีในยุคนี้ ยุคที่เหตุผลใดๆ ในโลกก็ไม่สามารถอธิบายประชาธิปไตยเมืองไทยได้
 
มันก็เป็นเรื่องขำๆ ของปัจเจกบุคคล ซึ่งถ้ามองผ่านแว่นของ “สลิ่มโลกสวย” อย่างผม ผมกลับมองว่า “การเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยทำร้ายใคร”
การเชื่ออย่างย่า ก็คงเหมือนคนที่เชื่อในศาสนาต่างๆ อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ต่างกันที่บริบทของสังคมที่การเชื่ออย่างย่านั้นมันเป็นลัทธิพิธีที่พอจะใกล้เคียงกับศาสนา
-พรรค เปรียบเสมือนพระเจ้า เปรียบเสมือนสวรรค์ มีอยู่จริง แต่ไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถจับต้องได้
-นโยบายพรรค เปรียบเสมือน พระธรรมคำสอน ข้อควรปฏิบัติ ข้อควรละเว้น แนวทางแห่งการพ้นทุกข์
-หัวหน้าพรรค เปรียบเสมือน ศาสดา บุตรของพระเจ้าผู้ลงมาไถ่บาปให้ผู้หลงผิด เป็นผู้นำทางให้พ้นทุกข์
-สมาชิกพรรค เปรียบเสมือน สาวกผู้ยึดมั่นในพระธรรมคำสอน ข้อควรปฏิบัติ ข้อควรละเว้น และแนวทางการพ้นทุกข์
-การหาเสียง เปรียบเสมือน การเผยแพร่พระธรรมคำสอนสู่วงกว้าง เพื่อนำทางให้ปวงชนพ้นจากการผิดบาป
-การเลือกตั้ง เปรียบเสมือน พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ที่พระผู้เป็นเจ้าและศาสดาจะพาผู้ยึดมั่นในพระธรรมคำสอนของตนให้รอดพ้นจากบาปทั้งปวง
-การประชุมสภา เปรียบเสมือน การทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิหารอันทรงเกียรติกับพวกเดียรถีนอกรีต
-การยุบสภา เปรียบเสมือน การสงบศึกชั่วคราวในมหากาพย์สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้
 

 

 

ผมเชื่อว่า ปัจจุบันก็ยังมีคนอย่างย่าอยู่อีกมาก ในต่างที่ ต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา และอาจจะแตกต่างในตัวบุคคล หรือหลักการที่ยึดถือ
ถ้าถามย่าว่า นโยบายพรรคของนายชวนเป็นไง ผมก็เชื่อว่าย่าคงไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนแน่นอน ซึ่งก็คงเหมือนกับการเชื่อของคนอื่นๆ ที่แตกต่างกันในบุคคลและหลักการ แต่ร่วมวิธีการเดียวกัน
ผมเชื่อว่า “การเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ” มันไม่ผิดที่จะยึดถือ ซึ่งบางทีมันก็ดีด้วยซ้ำ ที่อย่างน้อยเรายังมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ยึดถือเพิ่มขึ้นในยามที่บ้านเมือง ไม่สามารถหาเหตุผลใดๆ มาอธิบายและคาดเดาในอนาคตของประเทศชาติได้อีกแล้ว
แม่ผมบอกกับผมว่า “ย่ามึงงมงายเอามากเลยนะ”
ค่ำเมื่อวานผมก็เห็นแม่ก็จุดธุป ถวายเครื่องสักการะ ไหว้ขอพรต่อ “พระสยามเทวาธิราช” และบูรพกษัตริย์ในอดีต ให้ประเทศชาติรอดพ้นวิกฤติ
ในขณะที่ผมมองหน้าแม่ แล้วขอแบ่งดอกไม้ธุปเทียนจากแม่ เพื่อจุดบูชาสักการะ “คุณตาขุนพันธ์” ที่รูปของท่านตั้งอยู่ใกล้ๆ หิ้งพระ
 
เออ เอาน่า......การเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ (มันไม่ผิดที่จะยึดถือ) และไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ ครับ
อย่างน้อยก็ในสายตาผ่านแว่นของสลิ่มโลกสวยอย่างผม