- 29 ธ.ค. 2560
ย้อนรอยมหาสงครามเอเชียบูรพา แนวที่ ๕ กับจารกรรมในเมืองนครศรีธรรมราช ตอน ๒
บริษัทรับซื้อแร่โกโต คอนซือ หรือร้านสุนทรวานิช
ดร. เย็นใจ เลาหวณิช ได้เขียนไว้ในหนังสืออนุสรณ์ของนายสุนทร เลาหวานิช เรื่อง “แด่ป๋าของลูก” ไว้ดังนี้
ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ป๋ามีธุรกิจค้าขายแร่กับญี่ปุ่น มีโรงงานแยกแร่ที่รับซื้อ
มาแล้วส่งไปขายในประเทศญี่ปุ่น โดยป๋าเป็นเอเย่นต์ พอเกิดสงคราม “ก่อนวันญี่ปุ่นขึ้น” ไม่กี่วัน ทางตำรวจตั้งข้อหาว่าเป็นสายลับให้ญี่ปุ่น
จึงนำป๋าไปขังไว้ที่สถานีตำรวจนครศรีธรรมราช ห้ามเยี่ยม ห้ามประกัน และส่งกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งไปล้อมและสังหารพ่อค้าญี่ปุ่นที่พักที่บ้าน ซึ่งมีโรงงานแยกแร่อยู่ในบริเวณเดียวกัน
ปรากฏว่าหลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย ไทยยอมเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ยอมให้ทหารญี่ปุ่นเข้าประเทศได้ เมื่อทหารญี่ปุ่นทราบว่า คนญี่ปุ่นถูกฆ่าตายก็โกรธจัด
นายทหารญี่ปุ่นรีบไปที่โรงพัก สั่งจับผู้บังคับการตำรวจและให้ปล่อยตัวป๋าออกมา พร้อมทั้งซักถามถึงสาเหตุการตายของคนของเขา แต่นายทหารญี่ปุ่นไม่รู้ภาษาไทย จึงต้องใช้ภาษาอังกฤษ โดยมีป๋าทำหน้าที่เป็นล่าม
นายทหารญี่ปุ่นทราบตำรวจไทย เป็นฝ่ายยิงญี่ปุ่นตาย จึงโมโหชักดาบซามูไรเตรียมพร้อมที่จะตัดคอผู้บังคับการตำรวจในทันทีที่ได้รับการยืนยัน
ป๋าตระหนักในความวิกฤติของสถานการณ์ในเวลานั้นดี และทราบระแคะระคายมาบ้างว่า ฝ่ายตำรวจเป็นผู้สังหารญี่ปุ่น หลายคนจนตายหมดสิ้นแต่ไม่ได้เห็นกับตา
เพราะถูกจับกุมตัวมาก่อนหน้านั้น เมื่อญี่ปุ่นซักถามนายตำรวจๆ ก็แก้ตัวว่า เป็นเพราะเกิดความเข้าใจผิด และฝ่ายญี่ปุ่นต่อสู้จึงเกิดการเสียชีวิตขึ้น
พูดไปพูดมาสักพัก ญี่ปุ่นโกรธจัดเงื้อดาบจะตัดคอนายตำรวจไทย ป๋าเลยรีบห้ามว่าทำไม่ได้ เพราะบัดนี้ไทยกับญี่ปุ่นเป็นสัมพันธมิตรกันแล้ว และช่วยอธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นเหตุสุดวิสัย
ในที่สุดนายทหารญี่ปุ่นได้สติเลยไม่เอาเรื่องฝ่ายใดอีก ทั้งนี้เพราะญี่ปุ่นเชื่อป๋ามากกว่าฝ่ายตำรวจ เห็นกับตาว่าตำรวจจับป๋ามาขังไว้ในโรงพัก ป๋าจึงไม่น่าจะเป็นพวกเดียวกันกับตำรวจ
เป็นอันว่าผู้บังคับการตำรวจคนนั้นรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดเต็มที่ นี่ถ้าป๋ามีความอาฆาตนายตำรวจตำรวจผู้นั้นเพียงแต่เฉยเสีย ศีรษะเขาก็คงจะหลุดจากบ่าในบัดนั้นแน่”
การสู้รบกันดุเดือดระหว่างทหารไทย และทหารญี่ปุ่น โดยมีแนวที่ ๕ หรือจารชนชาวญี่ปุ่นคอยส่งข่าว
คุณลุงนิเวส อัจจิทมางกูรซึ่งเป็นลุงของผู้เขียนเล่าว่าญี่ปุ่นที่มาตั้งบริษัทซื้อแร่ได้เช่าห้องแถวของคุณสุนทร เลาหวณิช ที่เชิงสะพานราเมศร์ มีจำนวนหลายคน และบริษัทได้มาก่อตั้ง ก่อนที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
ถ้าจำไม่ผิดก็ราว พ.ศ. ๒๔๘๒ รับซื้อแร่ดีบุก และมีโรงงานแยกแร่อยู่ภายใน
บริษัทด้วยเพื่อส่งไปขายยังประเทศญี่ปุ่น เข้าใจว่าคงส่งไปเพื่อนำแร่ดีบุกไปทำอาวุธใช้ในการสงคราม
ญี่ปุ่นมารับซื้อแร่นี้คือ หน่วยจารกรรมที่กองทัพญี่ปุ่นส่งเสริมหน่วยจารกรรมเดิมที่มี
อยู่แล้ว เพื่อสืบราชการลับของทางราชการ
บริษัทซื้อแร่นี้มีนายชิมาโนเป็นผู้จัดการ มีนายคิตามารุ ดำเนินการซื้อแร่บังหน้า ส่วนหน้าที่อันแท้จริงคงทำหน้าที่สืบราชการลับหรือเป็นแนวที่ ๕ เช่นเวลาวันหยุดจะไปตกปลาที่ปากพูนเพื่อวัดระดับน้ำทะเล ประมาณ ๑ เดือนก่อนที่กองทัพลูกพระอาทิตย์จะยกพลขึ้นบกที่ท่าแพ นายชิมาโนได้หายไปจากบริษัทซื้อแร่ที่นครศรีธรรมราชแล้ว
นายคิตามารุ แนวที่ ๕ จารชนชาวญี่ปุ่น
ในเช้าวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ ได้มีคำสั่งให้ตำรวจชุดหนึ่งมาควบคุมคนญี่ปุ่นที่รับซื้อแร่ที่เช่าห้องแถวคุณสุนทร เลาหวณิช เชิงสะพานราเมศวร์ ตำรวจที่มาควบคุมญี่ปุ่นนั้น เท่าที่จำได้มี จ่าตั้น พลฯ ช่วง
การควบคุมได้เรียกตัวพ่อค้าญี่ปุ่นซื้อแร่เหล่านั้น เพื่อจะนำไปควบคุมที่สถานีตำรวจ แต่อาจเป็นเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมให้จับกุมจึงเกิดการยิงกันขึ้น ตามคำบอกเล่าของผู้ทราบเหตุการณ์ว่าญี่ปุ่นเสียชีวิต ๑ คน ชื่อคิตามารุได้นำศพไปฝังไว้ที่วัดชะเมา
เรียบเรียงจากสัมภาษท์ และบทความ
นิเวส อัจจิมางกูร
“แด่ป๋าของลูก” ดร. เย็นใจ เลาหวณิช
นายน้อม ถาวรโด
แช่ม ช่องสกุล
(อ่านต่อ ตอนที่ ๓)
ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่
http://www.tnews.co.th/contents/395768
http://www.tnews.co.th/contents/395785
http://www.tnews.co.th/contents/396160
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/
http://www.tnews.co.th/contents/393696