ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์รวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย 1,250 รูป และเชื่อว่ามีหลายคนเคยสงสัยว่า ทำไมพระสงฆ์ตั้งมากมาย ถึงมาสถานที่เดียวกัน วันเดียวกัน หรือเวลาเดียวกันพร้อมๆกันได้ โดยมิได้นัดหมาย วันนี้เราเลยจะมาคุยกันเรื่องนี้ โดยเราจะนำวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเข้ามาผนวกให้เห็นถึงความเป็นไปได้เมื่อเทียบกับการพิสูจน์ในทฤษฎีที่กำลังหาคำตอบในปัจจุบันนั่นคือ "โทรจิต"

วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันชี้ "โทรจิต" มีจริง !!! จึงไม่แปลกเลยที่ พระสงฆ์ 1,250 รูป จะรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ในสมัยพุทธกาล !!!

หากพูดถึงคำว่า โทรจิต หลายคนคงคุ้นเคยกับคำนี้กันเป็นส่วนใหญ่ โทรจิต คือการสื่อสารแบบหนึ่ง แต่ไม่ได้ผ่านจะการพูดคุยหรือใช้สัญลักษณ์ต่างๆ และโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกัน คือการสื่อสารที่ส่งผ่านกันรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งหมด แม้จะอยู่ไกลกันคนละซีกโลกก็ตามแต่โดยส่วนใหญ่เราจะรู้จักโทรจิต หรือ เทเลพาธี ได้จากในนิยาย หรือละคร แต่รู้หรือไม่ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ มีทฤษฎีว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเหลือให้การสื่อสารแบบเทเลพาธีระหว่างคนต่อคนเป็นความจริงขึ้นมาได้

เพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ตามหลักการดังกล่าวทีมนักฟิสิกส์ระดับผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำการทดลองโดยอาศัยเทคโนโลยีเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ เพื่อสื่อสารทางความคิดระหว่างบุคคล 2 คน ซึ่งอยู่ห่างไกลกันมาก คนแรกอยู่ในประเทศอินเดีย ส่วนอีกคนอยู่ในประเทศฝรั่งเศส คำที่ใช้สื่อสารเพื่อการทดลองครั้งนี้เป็นคำทักทายง่ายๆ อย่างคำว่า "โฮลา" (สวัสดี) และ "เชา" (บ๊ายบาย)

วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันชี้ "โทรจิต" มีจริง !!! จึงไม่แปลกเลยที่ พระสงฆ์ 1,250 รูป จะรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ในสมัยพุทธกาล !!!

โดยศาสตราจารย์จากฮาวาร์ดผู้นี้เปิดเผยว่า "เราใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมาได้สำเร็จ" หรือ เอาง่ายๆก็คือ พิสูจน์แล้วว่าคลื่นสมองสามารถส่งผ่านเป็นคำพูดออกมาได้ หรือใช้โทรจิต ได้จริงนั่นเอง

ในการทดลองนั้น จะมีผู้ทดลอง 2 คน ไม่เห็น ไม่ได้ยิน อยู่คนละที่ ห่างไกลกันชนิดที่เรียกว่าไม่มีทางสื่อสารกันได้แน่นอน โดยการสวมเครื่องอ่านคลื่นสมองอีเลคโตรเอนเซฟาโลแกรม หรือ อีอีจี ที่ใช้เชื่อมต่อคลื่นสมองกับคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยคอมพิวเตอร์มีหน้าที่เปลี่ยนคลื่นสมอง และความคิดในสมองออกเป็นข้อมูลดิจิตอลที่ใช้ภาษารหัสฐาน 2 

โดยให้คิดถึงคำง่ายๆ เช่น สวัสดี บ๊ายบาย และคิดถึงบุคคลอีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ไกลกันผลปรากฏว่า ผู้รับสารสามารถรับสัญญาณดังกล่าวได้ โดยปรากฏในลักษณะของแสงวาบขึ้นในสมองส่วนของการมองเห็น และสามารถตีความสัญญาณดังกล่าวได้ในที่สุด

ศาสตราจารย์อัลวาโร ปาสคอล-เลโอน นักประสาทวิทยาจากสำนักการแพทย์ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ร่วมวิจัยและเขียนรายงานการทดลอง กล่าวว่า พิสูจน์แล้วว่าคนเราสามารถสื่อสารสมองต่อสมองโดยผ่านเคลื่อข่ายเชื่อมกลางได้ สามารถรู้ว่าเขาคิดอะไรต้องการสื่ออะไร กิจกรรมในสมองต่างๆส่งผ่านสู่กันและกันได้เป็นผลสำเร็จ

ศาสตราจารย์อัลวาโร ปาสคอล-เลโอน ยังเล่าต่อว่า ในอนาคตเชื่อว่า เราจะสามารถสื่อจากสมอง สู่สมองได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องผ่านเครื่องมือต่างๆเป็นจุดเชื่อมกลางได้เป็นแน่ หากเรารู้วิธีควบคุมและใช้มันอย่างมีระบบ

วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันชี้ "โทรจิต" มีจริง !!! จึงไม่แปลกเลยที่ พระสงฆ์ 1,250 รูป จะรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ในสมัยพุทธกาล !!!

นี่เป็นหลักฐานที่พิสูจน์และยืนยันทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า โทรจิต มีอยู่จริง การสื่อสารจากสมองสู่สมองนั้น มีจริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป จะรู้ว่าต้องไปที่ไหนรวมกันที่ไหน หรือเวลาใด โดยที่ไม่มีการติดต่อกัน คาดเดาว่า องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านอาจจะรู้วิธีควบคุมคลื่นสมองหรือโทรจิตได้นั่นเอง

โดยเมื่อไม่นานก็เคยมีเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่งนั่นคือเรื่องราวของสมเด็จพระสังฆราชใช้โทรจิตนั่นเอง อ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่าง

http://www.tnews.co.th/contents/td/371336

วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันชี้ "โทรจิต" มีจริง !!! จึงไม่แปลกเลยที่ พระสงฆ์ 1,250 รูป จะรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ในสมัยพุทธกาล !!!

อ้างอิงข้อมูลจาก - www.prachachat.net , pantip.com