ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

(หลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ) อดีตเจ้าอาวาสวัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม (วัดบ้านสวน) ประวัติของหลวงพ่อฤทธิ์ ไม่มีถูกบันทึกมากนัก จึงทำให้รู้ประวัติของท่านน้อยมาก ทราบแต่เพียงจากคนเฒ่าคนแก่ และ ศิษย์ของ (หลวงพ่อซวง และหลวงพ่อห้อม) เท่านั้น (หลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ) ท่านเป็นคนที่ตำบลบ้านสวน นี่เอง ท่านเกิดช่วงประมาณ ปีพ.ศ.๒๓๘๕ บ้านเกิดท่านอยู่แถวๆหมู่บ้านคลองตะเคียน เมื่อโตขึ้นมาก็มาอยู่ที่บ้าน นายพลอย-นางตาล สุวรรณโรจน์ (โยมลุง-ป้า) ซึ่งบ้านติดกับ วัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม  ตามประวัติแล้ว เมื่อท่านได้บวชเป็นพระแล้ว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าท่านใด เป็นพระอุปัฌาย์ หรือพระอนุเสาวนาจารย์ ของท่าน

ปาฏิหาริย์..."หลวงพ่อฤทธิ์" ศิษย์เอกหลวงปู่โต พรหมรังสี !!! ผู้ปราบนักเลงหัวไม้ ด้วยกระสุนโค้ง...จนต้องตะโกนว่า "ยอมแล้วครับหลวงพ่อ"

ในสมัยนั้น (เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม มีชื่อเสียงโด่งดังมาก (หลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ) พร้อมด้วย (หลวงพ่อเจ๊ก วัดหัวฝาย), (หลวงพ่อแป๊ะ วัดคุ้งยางใหญ่) ที่ตำบล บ้านสวน ได้ตกลงเดินทางเพื่อไปเรียนวิชากับเจ้าประคุณสมเด็จพระ พุฒาจารย์โต ที่วัดระฆังฯ การเดินทางไปครั้งนี้ท่านร่ำเรียนอยู่กับ (สมเด็จพุฒาจารย์โต) ถึง ๖ พรรษา เมื่อสำเร็จวิชาที่ร่ำเรียนมาแล้ว จึงกราบลาพระอาจารย์ของท่าน และได้ธุดงค์กลับ จังหวัดสุโขทัย ส่วนหลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ ขอแยกเดินธุดงค์ไปกราบนมัสการ พระพุทธบาท ที่จังหวัดสระบุรี

ณ ที่แห่งนี้ ขณะที่ไปปักกรดอยู่ ณ ป่าใกล้กับพระพุทธบาท ปรากฏว่าในตอนเช้าขณะ (หลวงพ่อฤทธิ์) กำลังจะออกไปบิณฑบาต ได้มีเสือโคร่งตัวใหญ่ มานอนอยู่บริเวณหน้ากรดของ หลวงพ่อฤทธิ์ ท่านไม่ได้ตกใจกลัวเลย ท่านบอกกับเสือตัวนั้นว่า เฝ้ากรดไว้ให้ดีอย่าไปไหน จนกระทั่งท่านไปบิณฑบาตกับมาแล้ว ปรากฏว่าเสือโคร่งตัวนั้นก็ยังคงนอนอยู่กับที่ ท่านจึงบอกว่าไปได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเขาเห็นเขาจะทำร้ายเอา เสือโคร่งตัวใหญ่จึงเดินหลีกหนีไป ท่านอยู่ที่นี่และ กราบรอยพระพุทธบาท

บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายผู้ชื่นชอบการธุดงค์ ส่วนมากจะไปที่นี่กันมากมายเพื่อกราบรอยพระพุทธบาท ที่จังหวัดสระบุรี (หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ก็มักพาลูกศิษย์คือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก หรือแม้แต่หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ก็มาที่นี่)

ระหว่างทางเดินธุดงค์กลับเส้นทางลพบุรีเพื่อกลับมายังสุโขทัย ในป่าของเมืองลพบุรี (หลวงพ่อฤทธิ์) ท่านได้มาพักปักกรดหน้าภูเขาแห่งหนึ่งและอยู่ที่บริเวณหน้าถ้ำ ท่านสังเกตุเห็นว่าจะมีคนนำห่อข้าวอะไรสักอย่างหนึ่งมาแขวนไว้ที่ต้นไม้ที่ ปากถ้ำ แล้วสักพักหนึ่งท่านก็เห็นมีคนลักษณะคล้ายชีเปลือยผม หนวดเครายาว ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิด เดินลงมาเอาห่อข้าวนั้นไป ท่านสังเกตอยู่ ๒-๓ วัน ในวันที่ ๓ ท่านตัดสินใจเดินขึ้นไปบนถ้ำนั้น และเมื่อไปถึงท่านก็กราบไปที่ชายคนนั้น ท่านนำผ้า

อาบน้ำฝนและจีวร เข้าไปถวายให้ท่านบอกว่าท่านนี้เป็น (พระอรหันต์) แล้วขออนุญาตปรงผม ปรงหนวดท่าน และเมื่อครองผ้าเสร็จเรียบร้อย หลวงพ่อฤทธิ์ ก็ได้กราบขอเรียนวิชา กับพระอรหันต์พระองค์นี้ พระอรหันต์องค์นี้อยู่ในถ้ำจนสบง-จีวร ขาด เปื่อยไปหมด ไม่รู้ว่าอายุกี่ร้อยปี ท่านไปบิณฑบาตนำอาหารมาถวาย หาน้ำมาถวายและท่านก็ได้เรียนวิชา จากพระอรหันต์ท่านนี้จนจบหมดทุกอย่าง ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์เพื่อเดินทางกลับมาที่ วัดฤทธิ์ ต.บ้านสวน จังหวัดสุโขทัย หลังจากกลับมาอยู่ที่วัดชื่อเสียงของท่านก็ขจรขจายโด่งดัง

เมื่อกลับมาอยู่ที่วัดฤทธิ์ฯ ท่านก็เริ่มทำการสร้างบูรณะวัด ท่านตัดไม้ถางหญ้าเองมีชาวบ้านมาช่วยท่านสร้างกุฎิสงฆ์ จนแล้วเสร็จ  ณ ที่แห่งนี้ หลวงพ่อฤทธิ์มีอีกสถานที่หนึ่งคือเครื่องสูบทอง ท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ จนสามารถทำเป็นทองได้ (หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่) ท่านก็มาเรียนวิธีทำพระเนื้อชิน กับหลวงพ่อฤทธิ์ ท่านเป็นพระสหธรรมมิกกับหลวงพ่อฤทธิ์รักใคร่ชอบพอกันมาก ท่านมาที่วัดบ่อยมาก หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ ก็ส่งให้ (หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว) มาเรียนวิชาคาถาเพิ่มเติมที่นี่จาก (หลวงพ่อฤทธิ์) ขณะนั้น หลวงพ่อซวง บวชได้เพียง ๗ พรรษา และ (หลวงพ่อห้อม) ก็ได้ร่ำเรียนวิชานี้ด้วยเช่นกัน

หลวงพ่อฤทธิ์ ท่านสามารถย่นระยะทางได้ มีวันหนึ่งท่านบอกกับพระกับโยมว่า ท่านจะไปบางกอกแล้วท่านก็ไป พอถึงตอนเย็นท่านก็กลับมาพร้อมด้วยข้าวของพะรุงพะรัง ครั้นเมื่อฉันท์เช้าก็ปรากฏว่ามีกับข้าวดีๆ มีผลไม้แปลกๆที่แถวบ้านสวนไม่มี ท่านว่าท่านไปบิณฑบาตที่บางกอก แล้วท่านก็สอน (หลวงพ่อซวง) กับ (หลวงพ่อห้อม) ว่าถ้าสามารถทำสมาธิจิตให้เป็นหนึ่งได้จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

หลวงพ่อฤทธิ์ ใช้กระสุนคด ปราบคนเมา ป้าแป้นโยมผู้ศรัทธาหลวงพ่อฤทธิ์ เป็นอย่างมาก ท่านเล่าให้ฟังว่าสมัยท่านเป็น เด็กมาวิ่งเล่นที่วัดงานประจำปีของวัดน้อย ขณะที่ผู้คนกำลังสนุกสนานก็มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อนายมี เมาเหล้าเดินเข้ามาในวัดส่งเสียงดัง โวยวาย หลวงพ่อฤทธิ์ จึงให้คนไปบอกว่าอย่าดัง แต่นายมีก็ไม่เชื่อกลับส่งเสียงดังมากขึ้น หลวงพ่อฤทธิ์จึงใช้กระสุนยิง ซึ่งปรากฏว่าไม่ว่านายมีจะไปหลบที่ไหนก็ได้ยินเสียงดังโอยๆ กระสุนไม่โดนใครเลยทั้งที่คนเต็มวัดถูกเฉพาะนายมีคนเดียวเท่านั้น จนนายมีนี้ต้องร้องบอก หลวงพ่อครับ ผมยอมแล้วครับ หลวงพ่อฤทธิ์ จึงหยุดยิง

ปาฏิหาริย์..."หลวงพ่อฤทธิ์" ศิษย์เอกหลวงปู่โต พรหมรังสี !!! ผู้ปราบนักเลงหัวไม้ ด้วยกระสุนโค้ง...จนต้องตะโกนว่า "ยอมแล้วครับหลวงพ่อ"

หลวงพ่อฤทธิ์ มีความชำนาญในการสร้างเครื่องรางของขลังประเภทเนื้อชิน วัดของท่านถือเป็นสรรพวิชาทางด้านไสยเวท นอกจากนี้ท่านยังชำนาญทางตำรับ ยาสมุนไพร ยากลั่นหรือยาเปรี้ยว ของท่าน สามารถใช้รักษาคนถูกสุนัขบ้ากัด งูกัด หรือใช้รักษาโรคปวดท้องจากสาเหตุต่างๆ ได้ชะงัดนัก

และที่สุดยอดมาก คือ ท่านยังสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ สามารถแปลงโลหะธรรมดาให้เป็นทองคำได้ ซึ่งท่านจะทำเป็นครั้งคราว เพื่อหาปัจจัยมาบูรณะและสร้างศาสนสถานภายในวัดบ้านสวน ให้เจริญมาเช่นปัจจุบัน

ปาฏิหาริย์..."หลวงพ่อฤทธิ์" ศิษย์เอกหลวงปู่โต พรหมรังสี !!! ผู้ปราบนักเลงหัวไม้ ด้วยกระสุนโค้ง...จนต้องตะโกนว่า "ยอมแล้วครับหลวงพ่อ"

อ้างอิงข้อมูลจาก - เพจ เล่าเรื่องพระ