ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

ในโอวาทของหลวงพ่อวัดท่าซุงเรื่องสะเดาะเคราะห์"..เรื่องเคราะห์กรรม เป็นวิธีเรียกของพรหมณ์ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า กฏของกรรม คณาจารย์ต่างๆ เรียกไม่เหมือนกันแต่ผลมันเหมือนกัน นั่นคือ ความทุกข์ ถ้าอยากทราบว่า ความทุกข์มาจากไหน ก็จะเล่าให้ฟัง

พลิกชีวิตให้ดีได้...อย่างคาดไม่ถึง !!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ไขข้อสงสัย...ที่หลายคนคาใจ "สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม" อย่างไร...ให้ถูกวิธี !!!

..ประการแรก การป่วยไข้ไม่สบายทางร่างกาย มาจากกรรมปาณาติบาต การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
..ประการที่ ๒ ความทุกข์เกิดจากไฟไหม้บ้าง ขโมยปล้น ขโมยจี้ ลมพัดให้บ้านพัง น้ำท่วม มาจากโทษอทินนาทาน การลักขโมยของเขาจากชาติก่อน
..ประการที่ ๓ เคราะห์กรรมที่ทำให้คนใต้บังคับบัญชาดื้อด้าน ว่ายากสอนยากไม่เชื่อฟัง มาจากโทษกาเมสุมิจฉาจาร เจ้าชู้จัดในชาติก่อน
..ประการที่ ๔ เราพูดดีแต่คนอื่นไม่ชอบฟัง ไม่เชื่อฟัง มาจากโทษมุสาวาทจากชาติก่อน
..ประการที่ ๕ การเป็นโรคปวดหัวบ่อยๆ หรือโรคประสาทก็ดี เป็นบ้าก็ดี เป็นโทษมาจากกฏของกรรม คือ ดื่มสุราเมรัย ในชาติก่อน อันนี้เป็นหลักหยาบๆ หลักใหญ่นะ
..อย่างคนตาบอด ในสมัยชาติก่อน เขาทำบุญเห็นแล้ว แกล้งทำเป็นไม่เห็น
..อย่างคนหูหนวก เขาทำบุญสุนทาน เขาฟังเทศน์ฟังธรรมกันแกล้งส่งเสียงกลบเขาฟังเทศน์ฟังธรรม เขาคุยกันด้วยความเคารพในธรรม เราแกล้งส่งเสียงกลบ เกิดเป็นคนหูหนวก ๕๐๐ ชาติอย่างนี้เป็นต้น
..ก็รวมความว่า ขึ้นชื่อว่า เคราะห์กรรม คือ กฎของกรรมเก่าของเราในชาติก่อน คนทุกคนที่เกิดมานี้ที่ไม่มีกรรมเก่า ที่กรรมไม่ดี ไม่มีนะ ไม่เคยทำบาปนี้ไม่มี...

พลิกชีวิตให้ดีได้...อย่างคาดไม่ถึง !!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ไขข้อสงสัย...ที่หลายคนคาใจ "สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม" อย่างไร...ให้ถูกวิธี !!!

..ทีนี้คำว่า สะเดาะเคราะห์ หมายความว่า ทำให้เคราะห์หมด คำว่า สะเดาะเคราะห์ไม่มีศัพท์ในทางพระพุทธศาสนา เป็นศัพท์ของคณาจารย์ต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนาไม่มี ในเมื่อไม่มี ทำไมวัดท่าซุงจึงบอกว่า สะเดาะเคราะห์ ก็เลยบอกว่าพูดตามเขา ทีนี้การทำคราวนี้ไม่ใช่สะเดาะเคราะห์ เป็นการสร้างความดี ความโชคดีให้เกิดขึ้น คือ หมายความว่าทำบุญให้มีกำลังสูง
คำว่า เคราะห์ คือ บาป เราล้างไม่ได้แต่ถ้าหากว่าทำความดีให้มีกำลังสูงกว่า คำว่า เคราะห์จะเปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับคนยืนอยู่กลางแดดจัดๆ เวลานี้อยู่ในร่มมันก็ร้อน ถ้ายืนกลางแดดมันก็ร้อน ถ้าทำบุญน้อยๆ ก็เหมือนกับมีร่มเล็กๆ ไปกางบังอยู่มันก็เย็นไปหน่อยหนึ่ง ทำบุญที่มีอานิสงส์มากๆ ก็เหมือนกับมีคนเอาน้ำไปราดให้ ก็มีความเย็น ถ้าทำ บุญที่มีกำลังสูงใหญ่อย่างเราเจริญกรรมฐาน เหมือนกับเราแช่ในอ่างน้ำถึงเราจะอยู่กลางแจ้ง กลางแดด ความร้อนมันก็น้อยไป 
ข้อนี้ฉันใดการสะเดาะเคราะห์ก็เหมือนกัน การสะเดาะเคราะห์ไม่ได้ทำให้หมดไป
..ประการที่สอง ต่อนี้ไปจะให้ญาติโยมทั้งหลายรับศีล การสมาทานศีลมีอานิสงส์ ๓ อย่างคือ
๑. สีเลนะ สุคะติง ยันติ คนที่มีศีลอยู่แล้ว เวลามีชีวิตอยู่ก็มีความเป็นปกติสุข ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้ามีความสุข
๒. สีเลนะ โภคะสัมปะทา ในขณะที่มีชีวิตอยู่เรามีศีลบริสุทธิ์ ทรัพย์สินก็ไม่เปลืองก็มีการเป็นอยู่ดีในการครองทรัพย์สิน ตายไปก็ร่ำรวยมาก
๓. สีเลนะ นิพพุติง ยันติ คนที่รักษาศีลได้ดี จะไปนิพพานได้โดยง่าย
..นี่คืออานิสงส์ของศีล หลังจากนั้นไปจะให้ญาติโยมพุทธบริษัทเจริญวิปัสสนาคือเจริญกรรมฐาน ใช้กำลังพุทธานุสติกรรมฐานเป็นกำลัง นี่เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนาบุญในพระพุทธศาสนามี ๓ ชั้น คือ ทาน ศีล ภาวนา ภาวนานี่เป็นบุญใหญ่ที่สุดจะให้ญาติโยมภาวนาว่า พุทโธ เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ ใช้เวลา ๑๐ นาที จงอย่านึกว่าแค่ ๑๐ นาที จะมีบุญน้อย ความจริงไม่ใช่น้อย มีกำลังมากเหลือเกิน
..หลังจากนั้นพิธีสะเดาะเคราะห์จะเกิดขึ้นนั่นคือว่าจะให้ พระบังสกุลตาย
ตอนที่ พระบังกุลตาย ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ให้ตั้งใจคิดว่า เวลานี้ขอผลของความชั่วทั้งหมดบาปกรรมที่ทำมาแล้วจาก..(การละเมิดศีล ๕)..ที่ทำให้จิตใจเรามีความทุกข์มีความเร่าร้อนให้มันสลายตัวไปพร้อมกับคำบังสกุลตายของพระ หลังจากนั้นพระจะบังสกุลเป็นตอนนั้นบรรดาพุทธบริษัท ก็ตั้งใจคิดว่าเวลานี้เราเกิดใหม่พร้อมความดี คือ
๑. ศีลที่เราสมาทานแล้ว
๒. สังฆทานที่เราทำแล้วมีอานิสงส์ใหญ่
๓. การภาวนาซึ่งเราทำแล้ว
ดังนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าต้องการทำบุญให้มากขึ้น เวลาเลิกแล้วก็เอาสตางค์มาใส่ขัน ตั้งใจบวชเณรบวชชีมากก็ได้น้อยก็ได้ ๕ สตางค์ก็ได้ ๑๐ สตางค์ก็ได้ สลึงก็ได้ บาทก็ได้ ตามชอบใจตามที่จะพึงทำได้ ให้ตั้งใจคิดว่าเวลานี้เราบวชเณรบวชชี สำหรับการบวชเณรนี่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ถ้าเป็นพ่อแม่ของเณร ถ้าลูกบวชหนึ่งองค์ เขาจะมีอานิสงส์เกิดเป็นเทวดานางฟ้า หรือเป็นพรหมได้คนละ ๑๕ กัป ลูกชายได้ ๓๐ กัป ญาติโยมที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเณรจะได้อานิสงส์คนละ ๔ กัป ทีนี้มัน ๘๕ องค์นี่ เอา ๔ คูณ ๘๕ เข้าได้เท่าไหร่ ก็รวมความว่าก็ได้ ๓๐๐ กัปกว่า ถ้าเราตายจากชาตินี้เป็นเทวดาหรือพรหมก็สามารถเป็นเทวดาหรือพรหม อยู่ได้ถึง ๓๔๐ กัป ในเมื่อท่านทั้งหลายมีบุญขนาดนี้ก็อยู่ไม่ถึง ๓๐๐ กัป ไปนิพพานแน่ ก็เป็นอันว่ามีความดีใหญ่.." 
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน 
วัดจันทาราม(ท่าซุง)จ.อุทัยธานี

พลิกชีวิตให้ดีได้...อย่างคาดไม่ถึง !!! "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ไขข้อสงสัย...ที่หลายคนคาใจ "สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม" อย่างไร...ให้ถูกวิธี !!!
ที่มา FB: พ่อสอนลูก โดยคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง สอนลูกหลาน