ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ถึงกับศิโรราบยอมไปเกิดใหม่!! เมื่อ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" เจอผีร่างใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ที่สิงคโปร์..ลองดี เสกก้อนหิน ปราบผี ส่งไปเกิดใหม่ !!

 

            ในวงศ์พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท จะเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับเรื่องธรรมภายใน  กิริยาภายนอกที่สบายๆ ของท่านนั้นทำให้เป็นเหมือนม่านบังปัญญา บังตาเนื้อของชาวโลกที่นิยมชื่นชมด้านวัตถุ ชอบมองแต่สิ่งสวยงามภายนอก แต่ไม่เคยหันกลับมาย้อนดูภายในใจตน จึงมองท่านไม่ออก บอกไม่ถูก รู้ไม่เท่าถึงในสิ่งที่มี ที่เป็น ที่ปรากฏภายในจิต เพราะธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์ไม่มีอาการลวงเหมือนอาการทางกายวาจา

ถึงกับศิโรราบยอมไปเกิดใหม่!! เมื่อ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" เจอผีร่างใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ที่สิงคโปร์..ลองดี เสกก้อนหิน ปราบผี ส่งไปเกิดใหม่ !!

 

         หลวงปู่เจี๊ยะเป็นผู้มีนิสัยประเภทตรงไปตรงมา พูดจาเสียงดัง โผงผาง ขวานผ่าซาก ถึงลูกถึงคน จิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญเหมือนนักเลง การสั่งสอนของท่านก็มีลักษณะเผ็ดร้อน ไม่เอาใจใคร แต่สามารถทะลุทะลวงเข้าสู่ความจริงได้ ด้วยบุคลิกและอุปนิสัยเช่นนี้เองจึงทำให้ชีวิตทางธรรมของท่านเป็นไปอย่างออก รสชาติ โลดโผนโจนทะยาน และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

 

ถึงกับศิโรราบยอมไปเกิดใหม่!! เมื่อ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" เจอผีร่างใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ที่สิงคโปร์..ลองดี เสกก้อนหิน ปราบผี ส่งไปเกิดใหม่ !!

 

         ดังเช่นในคราวหนึ่งที่หลวงปู่เจี๊ยะได้รับนิมนต์ให้ไปเผยแผ่ศาสนาที่ประเทศสิงคโปร์ ขณะที่กำลังพำนักอยู่ที่บ้านพักของญาติโยมนั้นก็มีโยมชาวอินโดนีเซียมานิมนต์ท่านไปที่เกาะบาตั้ม ประเทศอินโดนีเซีย เพราะที่นั่นเขาร่ำลือกันว่าผีดุมาก เฮี้ยนมาก คนงานที่โรงงานล้มป่วยกันมากโดยไม่ทราบสาเหตุของโรคที่เป็น  เจ้าของโรงงานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะไม่มีใครกล้ามาทำงาน คนงานกลัว หนีหมดเลย หาหมอผีมาจากที่ต่างๆ ก็เอาไม่อยู่ เฮี้ยนมากๆ เขาจึงนิมนต์หลวงปู่ไป นั่งเรือไฮโดรสปีดจากสิงคโปร์ไปเกาะบาตั้มประมาณ ๔๐ นาที

         เมื่อไปถึงที่โรงงานแห่งนั้น หลวงปู่เจี๊ยะอุทานว่า "โอ้โฮ ผีเยอะฉิบหายเลย" ท่านจึงให้เขาเอาผ้าขาว ผ้าแดง มาเขียนยันต์ แล้วนำมาห่อก้อนหิน แล้วจึงนั่งสมาธิปลุกเสก ในขณะที่ทำพิธีอยู่นั้น หลวงปู่กระซิบบอกพระผู้ติดตามว่า "เฮ้ย อย่าไปบอกใครนะ เดี๋ยวถึงหูอาจารย์มหาบัวเข้า ด่าผมแน่เลย" เมื่อปลุกเสกเสร็จ หลวงปู่เจี๊ยะก็ขึ้นนั่งรถเข็นให้พระผู้ติดตามเข็นไปตามทิศทางที่ท่านสั่ง ท่านกำหนดสมาธิแล้วบอกทิศทางให้พระเขวี้ยงก้อนหินไล่ผีตามที่ท่านสั่ง  เดี๋ยวก็ทางซ้าย เดี๋ยวก็ทางขวา  เสียงเขวี้ยงดังปังๆๆ  บางทีพระเขวี้ยงไม่ถูกตามจุดที่ท่านสั่ง ท่านก็บอกว่า

"นั่น...มันหนีไปทางนั้นแล้ว เข็นๆ ตามมันไป"

 

ถึงกับศิโรราบยอมไปเกิดใหม่!! เมื่อ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" เจอผีร่างใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ที่สิงคโปร์..ลองดี เสกก้อนหิน ปราบผี ส่งไปเกิดใหม่ !!

 

          พระรูปนั้นเล่าว่า เหมือนในหนังโปเยโปโลเยยังไงยังงั้นเลย เมื่อพระผู้ติดตามทำไม่ทันใจท่าน ท่านก็พยายามลุกขึ้นมาทำเอง  แต่เท้าของท่านบวมอยู่ ใส่รองเท้าไม่ได้ ท่านจึงเอาเชือกมัดรองเท้าให้ติดกับเท้า แล้วพันหลายๆ รอบ เดินเป๋หน้าเป๋หลัง จวนเจียนจะล้ม

"มาจับกูหน่อยซิ...ไอ้ห่า กูจะล้มอยู่แล้ว" ท่านตวาดเสียงดัง

"ไอ้ผีพวกนี้มันหนีไว ชักช้าไม่ได้ เราต้องเร็ว"

ถึงกับศิโรราบยอมไปเกิดใหม่!! เมื่อ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" เจอผีร่างใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ที่สิงคโปร์..ลองดี เสกก้อนหิน ปราบผี ส่งไปเกิดใหม่ !!

 

         เมื่อเสร็จพิธี หลวงปู่เจี๊ยะก็พักอยู่ที่นั่นสองวัน แล้วจึงเดินทางกลับสิงคโปร์ มาพักที่วัดป่าเลไลยก์ คืนที่พักวัดป่าเลไลยก์นั้น ท่านเล่าว่า

"โอ้โห ผีใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ดำปึ้ดเลย จะมาทับผม เกิดมาในชีวิตผมเจอผีดุสองครั้ง ครั้งแรกที่วัดเขาแก้ว ครั้งนี้ผีดุ แม่งมันใหญ่ฉิบหายเลย จะมาทับ โอ้โห อย่างใหญ่

... เมื่อคืนปราบไปเรียบร้อย ส่งไปเกิดแล้ว ... สบาย"

ท่านพูดจบแล้วก็หัวเราะยิ้มๆ

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง"