ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระผู้เป็นมิ่งขวัญ กำลังใจของทหารหาญ ในการกอบชาติกู้เมือง กู้ชาติไทย ให้เป็นไท จากพวกพม่า ที่เข้ามายึดครองผืนแผ่นดินไทย เมื่อคราวปี พุทธศักราช ๒๓๑๐ และได้มีการเปิดเผยว่า มีพระพุทธรูปปางวิชัย หรือ ปางสะดุ้งมาร องค์หนึ่งได้รับการอัญเชิญนำไปในสมรภูมิสนามรบ อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ เคียงคู่บารมีของวีรกษัตริยาธิราชผู้กล้า นั่นคือ หลวงพ่อปิยปกาศิต สร้างขยายส่วนมาจากพระพุทธรูปองค์ต้นแบบองค์หนึ่ง ที่มีพระนามว่า พระพุทธะปกาศิต หรือ หลวงพ่อปกาศิต ได้ทราบมาว่า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่งที่ถูกลืมไปจากจิตใจของคนไทย เชื่อมีชาวพุทธอีกมากมาย ที่อาจจะไม่เคยได้ยินพระนามของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้มาก่อน

ที่สุดในตำนาน "หลวงพ่อปิยปกาศิต" !! พระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียว...ที่ได้รับการอันเชิญไปสมรภูมิรบ เคียงคู่บารมี "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" !!

พระพุทธภัทรประกาศิต มีพระนามเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อปิยปกาศิต เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในโบสถของวัดกองดิน ในประวัติศาสตร์ของวัด มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ไว้ว่า 

"หลวงพ่อปิยปกาศิต เป็นพระพุทธรูปที่ขยายส่วนสร้างมาจากพระพุทธรูปบูชาปางมารวิชัยองค์หนึ่ง ซึ่งมีขนาดหน้าตัก ๑ ศอกเต็ม สำเร็จด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์พระนามว่า พระพุทธปกาศิต มีความเชื่อสืบกันมาว่า พระเจ้าพรหมมหาราช แห่งอาณาจักรโยนกเชียงแสนได้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น เมื่อปี ๑๖๘๒ คราวมีพระชนม์มายุครบ ๔ รอบ ที่เมืองไชยปราการราชธานี ประกอบพิธีเชิญญาณบารมีของเทพยาดาชั้นสูง ๙ พระองค์ เพื่อสถิตย์ปกป้องคุ้มครองรักษา"

ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ผ่านแผ่นดินมาหลายยุคหลายสมัยทั้งเชียงแสน ล้านนา สุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน สืบสานตำนานประวัติความเป็นมาของ พระพุทธปกาศิต อีกส่วนหนึ่งมีความเชื่อกันว่า

...พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อีกองค์หนึ่ง "ที่ถูกลืม" ไปจากความทรงจำของชนชาวไทยมาโดยตลอด และเชื่อว่า มีชาวพุทธอีกมาก ที่อาจจะไม่เคยได้ยินพระนามของพระพุทธรูปองค์นี้มาก่อน อีกทั้งอาจจะไม่เคยทราบว่า ครั้งหนึ่งในอดีต ย้อนไปราว ๒๐๐ กว่าปีมาแล้ว มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์หนึ่งได้รับการอาราธนาอัญเชิญนำไปในสมรภูมิสนามรบเคียงคู่บารมีของวีรกษัตราธิราช ผู้ซึ่งมีน้ำพระทัยกล้าแกร่ง ไม่ย่อท้อในการทำสงครามนั่นก็คือ "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช"  พระผู้เป็นมิ่งขวัญกำลังใจของทหารหาญในการกอบชาติกู้เมืองกู้เอกราชชาติไทยให้เป็นไท คืนกลับมาจากพวกพม่าที่เข้ามายึดครองผืนแผ่นดินไทย

ที่สุดในตำนาน "หลวงพ่อปิยปกาศิต" !! พระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียว...ที่ได้รับการอันเชิญไปสมรภูมิรบ เคียงคู่บารมี "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" !!

นอกจากนี้ เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นั้นก็คือ "พระพุทธปกาศิต" นี้นั่นเอง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาแต่สมัยที่ท่านยังทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และได้พระพุทธรูป องค์นี้มาแต่หัวเมืองพิษณุโลก แถบเมืองกำแพงเพชร ภายหลังเข้ารับราชการ ไปรบทัพจับศึกที่ไหน ก็จะอาราธนาอัญเชิญนำไปด้วย เป็นพระพุทธรูปคู่บุญบารมีประจำพระองค์และมักได้ชัยชนะทุกครั้ง จึงมีพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า "พระพุทธนำชัย"       

ในจดหมายเหตุกรุงศรี ได้บันทึกไว้ว่า “ นับกาลเวลาจากสมัยกรุงธนบุรี ปี พ.ศ.๒๓๑๐ ผ่านมาถึงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้มีคณะบุคคลซึ่งเป็นชาวธนบุรี ๑๖ คน ผู้สืบสายวงศ์ตระกูลและมีความเคารพศรัทธาเทิดทูนในองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทำการสืบค้นหาสถานที่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก อันเป็นชัยมงคลวิเศษมีต้นโพธิ์รุกขชาติปลูกเรียงกันปรากฎอยู่ ๓ ต้น เป็นไปตามคตินิมิตของเทพยดาที่อยู่เฝ้าปกปักรักษา พระปกาศิตพุทธนำชัย ณ สถานที่อันมีตำนานเรื่องราวการเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในเทพนิมิตนั้นได้ทำนายความเป็นโวหารอัศจรรย์ล้ำลึกไว้ว่า

"…ให้ประกอบพิธีจัดสร้างพระพุทธรูป พระชัยหลังช้างอันเป็นพระคู่บารมีของพระยาตากนี้ไว้ ณ สถานที่มีโพธิ์สามต้นปลูกไว้เป็นปฐมเหตุแห่งพระประธานประจำเบื้องบูรพาทิศสืบไปในกาลภายหน้า เทพยดาผู้มีหน้าที่ปกปักรักษาพระพุทธรูปอันสูงยิ่งด้วยกำลังเทพฤทธิ์และทรงความศักดิ์สิทธิ์ไว้พร้อมนี้แล้ว ก็จักดลบันดาลอาราธนาองค์พระชัยฯ ให้เคลื่อนคลามาประดิษฐานไว้อยู่ร่วมกัน ณ มณฑลภาคตะวันออกแห่งนี้ปรากฎนามสืบไปชั่วอายุไขยแห่งพระพุทธศาสนาจำเริญครบถ้วน ๕,๐๐๐ ปี เป็นกำลังพระบารมีปกป้องแผ่นดินเบื้องบูรพาทิศนื้สืบไปชั่วกาลนาน "

และข้อความอีกตอนหนึ่งในจดหมายเหตุกรุงศรี ได้กล่าวไว้ดังนี้ 

" พระประธาน พระพุทธปกาศิต ณ วัดกองดิน มีประวัติบันทึกไว้ว่า ได้เริ่มสร้างในปี ๒๕๑๑ แต่มีเหตุอุปสรรคขัดขวางมาก พราหมณ์ผู้สัมผัสในพระบารมี จึงได้ประกอบพิธีสักการะพร้อมเครื่องบวงสรวงบายศรีทูลแจ้งฯ ผ่านองค์เทพยดาผู้ทรงกำลังฤทธิ์ ได้ปกาศิตบอกเคล็ดวิธีในการสร้างองค์พระฯ ให้สำเร็จว่า ต้องเสริมชัยมงคลแห่งพระนามอันเอกอุเลื่องลือนามในแผ่นดินสยามรัตนโกสินทร์ให้อัญเชิญเสริมพระนาม “ ปิย ” ขึ้นมา จึงจักประกอบพิธีฯสร้างพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในพระนามรู้จักกันมาแต่กาลบัดนั้นว่า “ หลวงพ่อ ปิยปกาศิต ” สำเร็จในปี ๒๕๑๓ เป็นพระพุทธรูปพระประธานประจำอุโบสถสถานณ วัดกองดิน ประกอบพิธีสร้างแบบที่เรียกกันในสมัยนั้นว่า พิธีหล่อแบบโบราณนับเป็นองค์แรก"

ที่สุดในตำนาน "หลวงพ่อปิยปกาศิต" !! พระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียว...ที่ได้รับการอันเชิญไปสมรภูมิรบ เคียงคู่บารมี "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" !!

และเป็นครั้งแรกของวัดวาอารามในสังฆมณฑลภาคตะวันออก และในปี ๒๕๔๖ ได้ประกอบพิธีบรรจุพระพุทธปกาศิต องค์ต้นแบบไว้ ณ ภายในองค์พระประธานหลวงพ่อปิยปกาศิต พร้อมทั้งได้บรรจุพระผงสมเด็จองค์ปฐม จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ตามนิมิตของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ไว้ด้วยโดยพระผงฯ ทุกองค์ล้วนมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ ปัจจุบันพระธาตุในนามสมเด็จองค์ปฐมนี้มีเสด็จมาเพิ่มมากกว่า ๑ แสนองค์แล้ว

นอกจากนี้ยัง "ได้นิมิตเห็นพระเจ้าตาก(สิน) ยกพระพุทธรูปบูชาองค์หนึ่ง ปางมารวิชัย หน้าตักประมาณ ๑ ศอกเต็ม เข้าไปในวิหารของวัดคงคาจืด และให้ทหารหาญที่มาด้วยอธิฐานจิตขอพรเป็นมงคลชัย ให้มีชัยชนะในการทำศึกสงครามที่เมืองจันทบูรณ์"

หลวงพ่อปิยปกาศิต มีพระนามเต็มว่า "พระพุทธภัทรปิยปกาศิต" เพื่อน้อมรำลึกในทางพุทธานุสติ อันเป็นเหตุแห่งการบำเพ็ญบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ ทั้ง ๕ พระองค์ (นะโมพุทธายะ) และประกอบด้วยเหตุแห่งพุทธปาฏิหาริย์อันเป็นสิริมงคลยิ่ง จึงได้อัญเชิญพระนาม “ภัทร” นี้เข้ามาเสริมเป็นมงคลชัย อีกทั้งเนื่องด้วยการประกอบพิธีสร้างพระพุทธรูปองค์นี้อยู่ในช่วงรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ องค์ปัจจุบัน อันพระองค์ได้รับพระราชสมัญญานามอันยิ่งว่า “พระภัทรมหาราช” ถือเป็นเหตุอัศจรรย์ จึงได้อัญเชิญมาเพื่อน้อมความเป็นสิริมงคลโดยทุกประการเสมอเหมือนด้วยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ มีกำลังพระบารมีที่จักช่วยแผ่คุ้มครองป้องกันไปทั่วทุกแผ่นดิน นับแต่ปฐมเหตุแผ่นดินโยนก เชียงแสน สมัยพระเจ้าพรหมมหาราช ยุคกรุงธนบุรี ในพระบารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและรัตนโกสินทร์ในพระบารมีสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า และพระภัทรมหาราชเจ้า รัชกาลที่ ๙ องค์ปัจจุบัน

ที่สุดในตำนาน "หลวงพ่อปิยปกาศิต" !! พระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียว...ที่ได้รับการอันเชิญไปสมรภูมิรบ เคียงคู่บารมี "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" !!

วัดกองดินเป็นวัดสุดท้ายของจังหวัดระยอง ตั้งอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของภูมิภาค ๔ จังหวัด สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๔ ปราจีนบุรี ร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่น อำเภอแกลง และสำนักงานเทศบาลตำบลกองดิน (ใช้ตราสัญลักษณ์ เป็นพระรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้าและสั่งการให้ทหารตำดินปืน) ได้มาสำรวจเส้นทางรอยเกวียนโบราณและได้ให้วัดกองดินแห่งนี้เป็นลำดับที่ ๒๖ สุดท้ายของเส้นทางสายเอกราชการเดินทัพ(ในเขตจังหวัดระยอง) คราวยกทัพเพื่อไปตีเมืองจันทบูรณ์เมื่อปี ๒๓๑๐

ที่สุดในตำนาน "หลวงพ่อปิยปกาศิต" !! พระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียว...ที่ได้รับการอันเชิญไปสมรภูมิรบ เคียงคู่บารมี "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" !!

เทศบาลตำบลกองดิน ได้บันทึกประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ไว้ว่า 

"..เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยามีข้าศึกพม่า ยกทัพมาประชิดพระนคร บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย ไม่มีใครคิดที่จะต่อสู้กับข้าศึกพม่า ต่างพยายามที่จะหนีเอาตัวรอดกัน ครั้งนั้นพระยาวชิรปราการ เห็นว่า พม่ามีกำลังเสริมเพิ่มขึ้น และล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ทุกด้าน เห็นทีจะเสียกรุงแก่พม่าเป็นแน่แท้ หากเราขืนชักช้าอยู่ช่วยรบทำการป้องกันพระนคร ก็อาจจะพ่ายแพ้แก่ข้าศึกศัตรูพวกพม่าได้ จนลุถึงวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น ๔ ค่ำ พุทธศักราช ๒๓๐๙ ปีจอ อัฐศก พระยาวชิรปราการ จึงได้ตัดสินใจรวบรวมไพร่พลราว ๕๐๐ คน ตีฝ่าวงล้อมพวกพม่าไปทางค่ายวัดพิชัย บ้านโพธิ์สังหาร แล้วมุ่งตรงไปยังหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออก เพื่อรวบรวมกำลังไพร่พล โดยมีจุดหมายปลายทางที่เมืองจันทบูรณ์ ในระหว่างการเดินทัพ ได้ผ่านเมืองระยองบ้านไร่ บ้านกร่ำ เมืองแกลง ประแส เพื่อมุ่งไปสู่จันทบูรณ์นั้น กองทัพของพระยาตากฯ ได้มาตั้งค่ายหยุดพักทัพม้าทัพช้างและไพร่พลอยู่ที่บริเวณวัดแห่งหนึ่ง และใช้สถานที่ดังกล่าวในการตำดินปืนเพื่อเตรียมไว้ใช้ในการออกศึกสงคราม..." ตำดินปืนในครั้งนั้นจึงถูกเรียกว่า "กองดินปืน" เป็นเหตุที่มาของชื่อหมู่บ้านหรือตำบลนานเข้าก็เรียกกันสั้นๆ ว่า "ตำบลกองดิน" สืบมาจนถึงปัจจุบัน

คาถาบูชา พระพุทธภัทรปิยปกาศิต

อิติ ปิยปกาศิต อิติ ปิยปกาศิต อิติ ปิยปกาศิต
พุทโธ คุณัง อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ

มีกำหนดงานบวงสรวงนมัสการหลวงพ่อปิยปกาศิต ตรงกับวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี

ที่สุดในตำนาน "หลวงพ่อปิยปกาศิต" !! พระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียว...ที่ได้รับการอันเชิญไปสมรภูมิรบ เคียงคู่บารมี "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" !!

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://palungjit.org , http://www.praputthai.com