ติดตามข่าวสารอีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

จากกรณีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Sanya Phengkham ได้แชร์คลิปวิดีโองานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความสั้นๆว่าน้อมส่งหลวงปู่สู่นิพพาน

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า สจ.กอ ณรังศรี  ก็ได้โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความกล่าวถึงแรงศรัทธาของชาวพุทธศาสนิกชนที่เข้า ร่วมพิธีเก็บอัฐิ หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย ท่ามกลางสายฝนโปยปราย โดยได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า

๒๓//๖๑ เวลา๙.๐๙ น. แรงศัทธาของชาวพุทธ ร่วมพิธีเก็บอัฐิ หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย มีๆพณๆศุภชัย โพธิ์สุ เป็นประธานในพิธี ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย สาธุๆๆ

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ทั้งนี้หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย อายุ ๑๐๘ ปี ๘๘ พรรษา วัดอรัญญานาโพธิ์ ได้ละสังขาร ตรงกับวันอังคารที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๐ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เวลา ๑๐.๒๐ น. ณ โรงพยาบาลศรีสงคราม

หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย พระเถระ ๕ แผ่นดิน อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๗๔ ณ.วัดจำปา ต.นาเดื่อ อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โดยมีพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการแก้ว รตนวณฺโณ พระกรรมวาจาจารย์ พระเกตุ กตปญฺโญ พระอนุสาวนาจารย์ พระเกิด สีลวณฺโณ เป็นศิษย์สายธรรม หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโณ ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน พระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ และพระพุทธบาทโพนสัน สปปล. พออายุได้ ๖๐-๗๐ ปี ท่านจึงได้เดินทางกลับบ้านเกิด และได้ก่อตั้งวัดอรัญญานาโพธิ์ขึ้น แต่ท่านก็ไม่ได้ก่อสร้างถาวรวัตถุมากมายเหมือนทุกวันนี้ ท่านสร้างเพียงกุฏิสงฆ์ ๕ หลัง ศาลาหอสวดมนต์ ๑ หลัง ถาวรวัตถุ โดยส่วนใหญ่สร้างหลังจากที่ท่านอายุครบ ๑๐๐ ปี

นามเดิมของท่าน ชื่อ สนธิ์ โคตะบิน เกิดวันอาทิตยืที่ ๒๐ เมษายน ๒๔๕๓ บิดาชื่อ นายคำ โคตะบิน มารดาชื่อนางอุ่น โคตะบิน พี่น้องรวมทั้งหมด ๑๐ คน เป็นชาย ๖ คน หญิง ๔ คนภูมิลำเนาบ้านนาโพธิ์ ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม

ชีวิตฆราวาส ในช่วงเป็นฆราวาสได้ใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนชาวบ้านทั่วไป จนอายุย่าง ๑๘ ปี นายสนธิ์ได้ออกหาปลาตามลำน้ำอูนใกล้หมู่บ้านพร้อมเพื่อนบ้าน พอถึงเที่ยงวันหลังรับประทานอาหารเสร็จ ได้พักผ่อนใต้ต้นไม้ริมน้ำอูน ในท่านอนตะแคงมือพนมสองข้างหนุนศรีษะ ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำหมู่บ้านที่ไปหาปลาด้วยกันจึงทักขึ้นว่า นายสนธิ์นอนตะแคงเอามือสองข้างพนมหหนุนศรีษะ จะไม่ได้ใช่ชีวิตเหมือนคนทั่วไป แต่จะได้สืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต พออายุครบ ๒๐ ปี หลวงปู่สนธิื ก็ได้นิมิตว่าได้เดินไปพบทางสอหลังงแพร่ง ซึ่งเส้นทางซ้ายมือมีผู้คนกำลังฟ้อนรำอยู่อย่างสนุกสนานและเชิญชวนให้หลวงปู่เข้าไปร่วมขบวนด้วย แต่หลวงปู่ได้ปฏิเศษ แล้วท่นเลือกเดินไปเส้นทางขวามือ ไปพบสถานที่ร่มรื่นมีศาลา หลวงปู่ได้ขึ้นไปพักบนศาลา หลังจากนั้นก็ตื่นจากนิมิต

ด้วยแรงศรัทธา!! ชาวพุทธศาสนิกชนนับพันคน เข้าร่วมพิธีเก็บอัฐิ "หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย" พระเถระ ๕ แผ่นดิน ท่ามกลางสายฝนโปยปรายไม่ขาดสาย (ชมคลิป)

ต่อมาไม่นานมีญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อถึงแก่กรรม ไม่มีผู้บวชหน้าไฟให้ พ่อของหลวงปู่สนธิ์จึงขอให้หลวงปู่สนธิ์บวช โดยมีหลวงพ่อแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเกศเป็นพระกรรมวาจาขวา และหลวงพ่อเกิดเป็นพระกรรมวาจาซ้าย อุปสมบถที่วัดศรีชมชื่น บ้านนาโพธิ์

หลังจากบวชหน้าไฟแล้วหลวงปู่สนธิ์ก็ไม่ได้ลาสิกขาเลย ในช่วงบวชปีแรกมีพระเณรจำพรรษากันเก้ารูปได้ฉายแววความมีอัจฉริยะโดยการเป็นผู้มีมานะ ตื่นแต่เช้า ขยันท่องตำรา จำบทสวดต่างๆ ได้แม่นยำจนหลวงพ่อเจ้าอาวาสชมว่า "พระเณรกลุ่มนี้สู้พระสนธิ์ไม่ได้หรอก" ก็เป็นความจริงดั่งคำที่ท่านกล่่าว เพราะในปัจจุบันในเก้ารูปนั้นยังคงเหลือแต่หลวงปู่สนธิ์ ที่ยังครองสมณะเพสอยู่อย่างมั่นคงตราบจนปัจจุบัน

หลังจากจำพรรษาแรก หลวงปู่สนธิ์ได้เดินธุดงค์เท่าเปล่าไปจำพรราาที่วัดตาง ๆ อีกหลายวัดในเขตอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร อำเภอโพนสวรรค์ และอำเภอท่าอุเทน เป็นเวลา แปดพรรษา ช่วงที่จำพรรษาที่อำเภอท่าอุเทน ได้ปวารนาตนเป็นศิษย์หลวงปู่ศรีทัต วัดพระธาตุท่าอุเทน และได้ร่วมสร้างพระธาตุท่าอุเทน พรรษาที่เก้าท่านออกธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าแสวงบุญขึ้นไปทางเหนือ ถึงวัดพระบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย และข้ามลำน้ำโขงไปหมู่บ้าน กะลิงหะลัง แขวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว จำพรรษาอยู่ ๒ พรรษา แล้วธุดงค์เลียบตามลำน้ำโขงลงไปทางใต้ ถึงภูเขาควายและได้อยู่จำพรรษาที่ภูเขาควายเป็นเวลา ๔ พรรษา หลวงปู่เล่าว่า คืนหนึ่งในเวลาตีสองขณะที่นั้งปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ได้มีฝูงสัตว์ป่า มีเสือโคร่ง หมี ได้เข้ามาใกล้บริเวณที่หลวงปู่อยู่ และเสือได้แสดงอาการใช้เท้าครูดกับลานหินคลล้ายเตรียมตะปปเหยื่อ หลวงปู่ได้ภาวนาและแผ่เมตตา ให้ฝูงสัตว์เหล่านั้น ประมาณ ๑๐ นาทีต่อมาได้มีโขลงช้างป่าส่งเสียงดังก้องป่า ทำให้ฝูงสัตว์ร้ายเหล่านั้นค่อย ๆ ถอยห่างออกไปโดยไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นเลย

หลังจากจำพรรษาที่ประเทศลาว รวม ๖ พรรษา หลวงปู่ออกธุดงค์ไปทางเหนือของลาวข้ามลำน้ำโขง มาที่อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน แวะจำพรรษาตามที่ต่าง ๆในเขตภาคเหนือ เช่น สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ และอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เดินถุดงค์ลงมาทางภาคกลางที่จังหวัดชัยนาท นครปฐม สิงห์บุรี สระบุรี จนลงมาถึงจังหวัดนครราชสีมา และได้กลับมายังบ้านเกิดเพื่อโปรดโยมพ่อโยมแม่ และญาติพี่น้อง หลังจากนั้นได้เดินทางไปสร้างวัดและจำพรรษา ที่บ้านเปงจาน อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย และได้ทราบข่าวว่าโยมพ่อป่วย จึงเดินทางกลับมายังบ้านนาโพธิ์เพื่อดูแลอาหารป่วยของโยมพ่อ และได้มาสร้างวัดอรัญญานาโพธิ์ขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๐๙ อยู่จำพรรษาจนถึงปัจจุบัน หลวงปู่สนธิ์เป็นพระที่มีความสมถะ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเวลาเดินธุดงค์จะไม่มีทรัพย์สินมีค่าติดตัว ไม่สวมรองเท้า และบิณฑบาตก็รับแต่พอฉันในแต่ละมื้อเท่านั้นไม่เก็บสิ่งของมีค่า

 

 

อ้งอิงข้อมูลจาก - sonkemiyo.com / เฟซบุ๊ก Sanya Phengkham / สจ.กอ ณรังศรี