พระ..ที่จะไม่สึกต้องทำให้ได้อย่างนี้!! "หลวงปู่คล้าย" แสดงปาฏิหาริย์ต่อ "หลวงพ่อปาน" ก่อนที่จะบวช..เสกจีวรให้เป็นช้าง ได้อย่างน่าอัศจรรย์ !!

            หลวงพ่อปาน เมื่อคราวออกบวชท่านมาท่องขานนาคอยู่ที่วัดบางนมโค สมัยนั้นมีหลวงปู่คล้ายเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่คล้าย วัดบางนมโค ท่านนี้ เป็นพระอภิญญาลาภี คือเป็นพระอรหันต์และมีอำนาจจิตสามารถแสดงฤทธิ์ผาดโผนประการต่างๆ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ หลวงปู่คล้ายเป็นพระวิเศษ เห็นแววเห็นวาสนาของหลวงพ่อปานมาแต่เล็ก จึงต้องการแสดงความพิเศษในพระพุทธศาสนาให้หลวงพ่อปานท่านดู เพื่อเสริมศรัทธาปสาทะในบวรพระพุทธศาสนาภายในใจของหลวงพ่อปานให้มีมากยิ่งขึ้น 

 

หลวงปู่คล้ายดำริเช่นนั้นแล้วก็เรียกหลวงพ่อปานซึ่งขณะนั้นกำลังหัดท่องขานนาคอยู่ ว่า "ปานเอ๊ยมานี่แน่ะ" 

แล้วถามหลวงพ่อปานต่อว่า "เอ็งบวชแล้วต่อไปจะสึกไหม" ท่านถามลองใจดู
 

"ผมบวชแล้วไม่อยากสึกครับ"

พอหลวงพ่อปานตอบดังนี้ หลวงปู่คล้ายท่านก็พอใจจึงกล่าวว่า

"ปานเอ๊ย พระที่ท่านจะไม่สึกต้องทำได้อย่างนี้" ว่าแล้วหลวงปู่คล้ายท่านก็เอาจีวรของท่านวางลง พลางถามหลวงพ่อปานว่า "อยากดูช้างไหม"

"อยากดูขอรับ"

 

 

 

              ว่าแล้วท่านก็ชี้ไปที่จีวรปรากฏว่าจีวรที่ม้วนอยู่นั้นค่อยๆ กลายสภาพเป็นช้างทีละน้อยเริ่มจากมีงวงก่อนจากนั้นมีงามีหัวมีตัวมีหางจนเป็นช้างเต็มตัว
หลวงปู่คล้ายให้หลวงพ่อปานลองขี้ช้างดูด้วยจากนั้นเรียกช้างให้กลับเป็นจีวรเหมือนเดิม ไม่เพียงเท่านั้นหลวงปู่คล้ายยังแสดงฤทธิ์ขยายตัวให้สูงจรดศาลา แล้วทวีความสูงไปจนจรดยอดไม้สูงๆ ขึ้นไปอีก จากนั้นแสดงฤทธิ์ย่อตัวลงมาเรื่อยๆจนตัวของท่านเล็กประมาณ ๑ คืบ จากนั้นจึงขยายร่างกลับมาเท่าเดิม ที่ท่านแสดงให้หลวงพ่อปานดู เพราะท่านรู้ว่าหลวงพ่อปานเป็นผู้มีบุญญาธิการ ต้องการเสริมความศรัทธาให้ทวีขึ้นต่อไป

              จากนั้นท่านสั่งหลวงพ่อปานว่า วันบวชนั้นให้ไปนิมนต์ “หลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ” เป็นพระอุปัฌชาย์ และนิมนต์ “หลวงปู่ปั้น วัดพิกุล” มาเป็นพระคู่สวด หลวงพ่อปานก็รับคำ

            ทั้งนี้หลวงปู่สุ่นและหลวงปู่ปั้นรวมกับหลวงปู่คล้ายทั้งสามท่านนี้ ต่างเป็นพระอรหันต์และทรงอภิญญาสมาบัติสามารถแสดงฤทธิ์ได้ ดังนี้ จะเห็นได้ว่าก็ด้วยเหตุที่หลวงพ่อปานนั้นท่านมีวาสนาบารมีมามาก เมื่อยามท่านบวชท่านจึงได้พระอรหันต์ถึง ๓ องค์มาเป็นผู้บวชให้

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ สืบสายพระโพธิญาณ สานปณิธานพระโพธิสัตว์ โดย "ทิพยจักร"