อาถรรพ์ "ดอนปู่ตา" !!! เมื่อหนุ่มใหญ่..อยากกินลูกต่อหัวเสือ จนต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิต !!! ชาวบ้านเชื่อ..เพราะเบียดเบียนบริวารของพ่อปู่ !!!

ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

จากกรณีเมื่อวันที่ (29 พฤศจิกายน 2560) ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีต่อหัวเสือนับร้อยตัวต่อยคนตาย และญาติได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่ บ้านเลขที่ 17 ม.7 บ้านบัว ต.คำนาดี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด โดยผู้ตายได้ถูกต่อหัวเสือรุมต่อยที่บริเวณใต้ต้นไม้ในดอนปู่ตา ติดกับสนามเด็กเล่นนิรันคอนหลังโรงเรียนบ้านโนนลาด หมู่ที่ 7 ต.หนองใหญ่ อ.โพนทอง  ซึ่งสถานที่แห่งนี้ ชาวบ้านต่างล่ำลือกันว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของดอนปู่ตา  ที่คนตายเข้าไปเอารังต่อโดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าที่  จึงเกิดเหตุการณ์สลดนี้ขึ้น

อาถรรพ์ "ดอนปู่ตา" !!! เมื่อหนุ่มใหญ่..อยากกินลูกต่อหัวเสือ จนต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิต !!! ชาวบ้านเชื่อ..เพราะเบียดเบียนบริวารของพ่อปู่ !!!

สำหรับผีปู่ตา เป็นผีที่ชาวบ้านให้ความเคารพ นับถือ บูชา จนเรียกว่า ปู่ ตา เสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของตน ศาลสำหรับผีปู่ตา มักปลูกไว้ในที่ดอน จึงนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดอนปู่ตา หรือ ดอนตาปู่ บางแห่งอาจเป็นผีสองสามีภรรยา ชาวบ้านก็อาจเรียกว่า ผีตายาย หรือ ผีปู่ย่า ก็มี

ผีปู่ตาจัดเป็นผีประเภทบรรพบุรุษ ผู้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เคยอยู่อาศัยในสถานที่นั้นๆมาเก่าก่อนนมนาน ครั้นตายไปแล้ว ด้วยความอาลัยรักในสถานที่นั้นๆ ดวงวิญญาณจึงยังคงสิงสถิต วนเวียน คอยปกปัก ดูแล คุ้มครอง รักษา สถานที่นั้นๆ อยู่ ผีปู่ตา เมื่อพูดตามลักษณะทางภพชาติ ก็มีทั้งที่เป็นภูตผีจริงๆ (เป็นผีประเภทอสุรกาย) และที่เป็นเทวดา(รุกขเทวดาก็มี ภูมเทวดาก็มี) ผีปู่ตา เป็นผีระดับสูง คือมีอำนาจมาก มีบารมีมากเหนือภูตผีและสัมภเวสีทั่วไปในแถบนั้นบริเวณนั้น ผีปู่ตา มีทั้งที่มีบริวารมาก และที่มีบริวารน้อย หรืออยู่เพียงลำพังก็มี

สมัยก่อน หมู่บ้านตามภาคอีสานแทบทุกหมู่บ้าน เมื่อแรกสร้างหมู่บ้าน เป็นความเชื่อที่ว่า ณ สถานที่นั้น อาจมีคนเคยอยู่อาศัยมาก่อน อาจมีเจ้าที่หวงแหนรักษาไว้ เมื่อจะตั้งหมู่บ้าน จึงต้องบอกกล่าวเล่าแจ้งขออนุญาต และก็ต้องสร้างที่พักให้เจ้าที่ด้วย เราเรียกที่พักนี้ว่า ศาล ซึ่งศาลเจ้าที่แต่ละแห่ง ก็แตกต่างกันแล้วแต่ผู้สร้าง และจุดที่สร้างศาลเจ้าที่โดยมาก ก็จะสร้างไว้นอกหมู่บ้าน ในที่ที่เป็นป่าละเมาะ หรือเป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง และชาวบ้าน ก็จะกำหนดขอบเขตไว้เลยว่า ขอบเขตเท่านี้ เป็นอาณาเขตของผีปู่ตา ห้ามใครก็ตามเข้าไปถากถางทำกิจส่วนตน และมอบสิ่งของทั้งหลายในอาณาเขตนั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ สัตว์ต่างๆ ให้เป็นทรัพย์สมบัติของผีปู่ตา (ที่ดินและทรัพย์สินส่วนที่เหลือ ขออนุญาตให้ชาวบ้านไว้ทำมาหากิน)

อาถรรพ์ "ดอนปู่ตา" !!! เมื่อหนุ่มใหญ่..อยากกินลูกต่อหัวเสือ จนต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิต !!! ชาวบ้านเชื่อ..เพราะเบียดเบียนบริวารของพ่อปู่ !!!

และนอกจากนั้น ก็ขอให้ผีปู่ตา ช่วยดูแล ปกปักรักษา คุ้มครอง หมู่บ้าน และคนในหมู่บ้านด้วย ซึ่งก็จะมีพิธีกราบไหว้ ขอขมาผีปู่ตา ปีละครั้ง ในช่วงประมาณเดือนหก หรืองานบุญเบิกบ้าน หรือตามที่หมู่บ้านนั้นๆกำหนด อำนาจบารมี มีที่มาใหญ่ๆ อยู่สองอย่าง คือ จากบุญของตน และจากผู้อื่นอุทิศมอบให้ ผีปู่ตา เมื่อมีคนกราบไหว้บูชา ยกให้เป็นใหญ่ อำนาจบารมี จะมีเพิ่มขึ้น ยิ่งคนศรัทธามาก กราบไหว้มาก อำนาจจะยิ่งมีมากขึ้น อำนาจอันนี้เป็นอำนาจที่เกิดจากผู้อื่นมอบให้ เมื่อมีอำนาจมากขึ้น ฤทธิ์แห่งผี ก็มีมากขึ้นด้วย ทำให้ผีปู่ตาสามารถคุ้มครองรักษาหมู่บ้าน จากสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็นได้ เช่นป้องกัน ขับไล่ผีตายโหง ผีปอบ ผีร้ายอื่นๆ รวมถึงอาถรรพ์อาคมร้ายทั้งหลาย ไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน เป็นต้น นอกจากนั้น ก็ช่วยดูแลผืนป่ารวมถึงสรรพสัตว์ที่อยู่ในอาณาเขตให้ปลอดภัยจากการทำลายถางถากด้วย

มักจะเป็นเรื่องราวอยู่เสมอ เมื่อมีคนเข้าไปตัดต้นไม้ ไปยิงสัตว์ ในอาณาเขตผีปู่ตา นั่นคือ ผีปู่ตาก็จะมาสั่งสอน ผ่านการเข้าสิงใครคนใดคนหนึ่ง แล้วบอกเล่า ว่ากล่าว ตักเตือน หรือกรณีสั่งสอนหนักหน่อย ก็จะทำให้เจ็บป่วยแบบไม่รู้สาเหตุ หมอธรรมดารักษาไม่หาย เป็นต้น เป็นเหตุให้ชาวบ้านกลัวเกรง ไม่ค่อยมีใครกล้าตอแยกับผืนป่าอาณาเขตผีปู่ตา ปัจจุบัน จึงมักพบเห็นร่องรอยดอนปู่ตาอยู่ในหลายๆ หมู่บ้าน

อาถรรพ์ "ดอนปู่ตา" !!! เมื่อหนุ่มใหญ่..อยากกินลูกต่อหัวเสือ จนต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิต !!! ชาวบ้านเชื่อ..เพราะเบียดเบียนบริวารของพ่อปู่ !!!

ผีปู่ตา ไม่ใช่ภูตผีร้าย ที่หลอกหลอนคนแบบนึกสนุก ไม่ใช่ภูตผีร้าย ที่ทำร้ายคนแบบไร้เหตุผล ผีปู่ตา เพียงทำหน้าที่ปกป้อง ดูแล คุ้มครอง หมู่บ้านและคนในหมู่บ้าน แต่หากใครผิดกฎระเบียบ หรือทำสิ่งไม่ดีไม่งาม ผีปู่ตา ก็จะมาสั่งสอน การสั่งสอน หากเป็นคนด้วยกันเอง ก็พอทำเนา แต่หากเป็นสิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็นมาสั่งสอน ก็จะน่ากลัวและอาจไม่เรียกว่าถูกสั่งสอน เรียกว่าถูกผีหลอกแทน บางแห่งคนในหมู่บ้านทำผิดกฎระเบียบมากก็ดี ผีปู่ตาขยันดูแล คุ้มครองก็ดี ก็จะเป็นที่ล่ำลือว่า หมู่บ้านนั้นๆ ผีปู่ตาเฮี้ยนมาก สุดท้ายเมื่อคนกลัว เด็กๆ กลัวมากๆ ก็ต้องไปนิมนต์พระเกจิเก่งๆ มาปราบ มาขับไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น 

        ปัจจุบัน คนที่ให้ความเคารพ ยำเกรงผีปู่ตา มีน้อยลง หรือเหลือแต่คนเฒ่าคนแก่ยุคแรกเริ่มสร้างหมู่บ้านเท่านั้น ที่เคารพยำเกรง เมื่อคนเคารพยำเกรง ลดลง ไม่มีคนขอให้ดูแลคุ้มครอง อำนาจบารมีผีปู่ตา ก็ลดลงตามไปด้วย หรือเมื่อไม่มีใครขอให้ช่วยดูแล ผีปู่ตา ก็ไม่แยแสสนใจเช่นกัน สุดท้าย ต่างคนต่างอยู่ ผีก็ส่วนผี คนก็ส่วนคน คนก็ไม่ทำบุญให้ผี ผีก็ไม่ได้ดูแลคน และสุดท้าย ดอนปู่ตา อาจเป็นเพียงตำนาน เป็นเพียงเรื่องเล่าขานแห่งบรรพชน

อาถรรพ์ "ดอนปู่ตา" !!! เมื่อหนุ่มใหญ่..อยากกินลูกต่อหัวเสือ จนต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิต !!! ชาวบ้านเชื่อ..เพราะเบียดเบียนบริวารของพ่อปู่ !!!

         ทั้งนี้ จากบทความของ "กรรณิการ์ พรมเสาร์" เคยได้บอกเล่าเรื่องราวของดอนปู่ตาไว้ว่า ... ดังนั้น การบุกเบิกที่ดินทำกินและ สร้างชุมชนในป่า จึงต้องมีการขออนุญาตจากผีเจ้าป่าเขาเสียก่อน และต้องทำไปเพื่อเพียงพอแก่การ ยังชีพเท่านั้น ด้วยความเชื่อในเรื่องศักดิ์สิทธิ์ หรือผีที่คอยคุ้มครองดูแลรักษาป่าเขา ก่อรูปเป็นระบบ การพึ่งพาอาศัย กันระหว่างคนกับป่า ที่แสดงออกมาในรูปของพิธีกรรมและความเชื่อต่าง ๆ เช่น ชาวบ้านได้อาศัย สายน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตและการดำรงชีพของมนุษย์ ชุมชนแสดงออก ด้วยการทำพิธี บวงสรวงผีขุนน้ำ และดูแลรักษาป่าต้นน้ำ อันเป็นที่อยู่ของผีขุนน้ำทุกปี เพื่อแสดงความ กตัญญู หรือการเซ่นไหว้ดอนปู่ตา เพื่อความเป็นสิริมงคลของสมาชิกในชุมชน

          จะเห็นได้ว่า ตามความเชื่อแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทรัพยากรจากป่า ล้วนแต่มีจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นดูแลอยู่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเป็น "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" หรือ "ปู่ตา" การหมายจะหาประโยชน์จากทรัพยากรป่า จึงต้องบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา เพราะถือว่าทุกชีวิตในป่านั้นต่างเป็นบริวารของ "ปู่ตา" ทั้งสิ้น การจะไปรังแก เบียดเบียนชีวิตใดๆ ที่เป็นบริวารของปู่ตา อาจประสบกับเหตุอาถรรพณ์ได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นความเชื่อที่ผูกพันธ์กับวิถีชาวบ้านมาช้านาน เชื่อหรือไม่ ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

อาถรรพ์ "ดอนปู่ตา" !!! เมื่อหนุ่มใหญ่..อยากกินลูกต่อหัวเสือ จนต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิต !!! ชาวบ้านเชื่อ..เพราะเบียดเบียนบริวารของพ่อปู่ !!!

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คุณสุเทพ  ลอยแก้ว   http://esarnsa-on.blogspot.com , http://www.isan.clubs.chula.ac.th/th/index.php