ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

หลวงพ่อน้อย คันธโชโต วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม

เป็นเรื่องเล่ากันกว่า ๕๐ ปีก่อนนั้น คือเรื่องวัวธนู ขวิดขโมยที่แถวห้วยตะโก

เล่ากันว่าที่บ้านนายชิด ซึ่งมีอาชีพทำนามีวัวควายหลายตัว ธรรมดาคอกวัวควายของนายชิดจะอยู่ใต้ถุนบ้าน หลายปีไม่ค่อยมีชาวนาแถวห้วยตะโกถูกขโมยวัวควายทำให้ชะล่าใจ ต่างก็ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ แต่นายชิดศิษย์หลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทอง ซึ่งเป็นครูอาจารย์ที่มีชื่อลือกระฉ่อนในเรื่องการสร้างวัวธนู จนยกย่องให้ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านวัวธนู

นายชิดไม่ได้ไว้วางใจในเรื่องขโมยขโจร จึงหมั่นบูชาวัวธนูให้เฝ้าบ้านอยู่เสมอ มีอยู่คืนหนึ่ง ควายชาวบ้านแถวนั้นหายไป บ้านละตัว ตัว รวมแล้วถึง ตัวด้วยกัน เว้นไว้แต่บ้านนายชิดเท่านั้น ที่ไม่ได้หายเลยสักตัวเดียว ทุกตัวยังอยู่ในคอกใต้ถุนบ้านเป็นปกติ

แต่ทว่าที่ริมๆ คอกควายของนายชิดมีรอยเลือดหยดเป็นแนวไปเป็นทาง ชาวบ้านได้ออกติดตามทางรอยเลือดนั้นไป พบชายคนหนึ่งนอนอยู่ในดงสะแก หายใจรวยรินเลือดเต็มหน้าอก และทราบจากชายผู้นั้นว่า เพื่อนที่มาขโมยควายด้วยกันทิ้งไว้ โดยบอกว่าจะกลับมารับทีหลัง

ชายผู้นั้นได้เล่าให้ชาวบ้านและนายชิดฟังว่า...

พวกเขาได้แยกย้ายกันไปขโมยควายหลายบ้านพร้อมๆกัน โดยตัวเขาเองได้มาขโมยควายในคอกบ้านนายชิด ขณะที่ลอดรั้วคอกควายเข้าไปได้เห็นวัวตัวหนึ่งสีดำ ดวงตาแดงเหมือนไฟ ยืนขวางหน้าอยู่ เขาตกใจมาก เพราะจะมาขโมยควายแต่มาเจอวัวเข้า จึงถอยหลังกลับ แต่ช้าเกินไป วัวตัวนั้นวิ่งเข้ามาขวิดเขาที่ท้องกระเด็นไปหลายวา

เมื่อลุกขึ้นได้ชักมีดออกมาด้วยความโมโห จะเข้าไปแทงวัวตัวนั้น ซึ่งในเวลานั้นมันยืนจังก้าอยู่ที่ริมคอกควาย พอพุ่งเข้าไปหา ก็โดนขวิดเข้าที่ท้องอีกครั้ง ถึงกับโชกเลือด จึงรีบเผ่นหนีมา

ภายหลังชาวบ้านได้สืบจากชายผู้นั้น จึงสามารถตามขโมย เอาควายคืนมาได้ทั้งหมด

วัวตัวหนึ่งสีดำ ดวงตาแดงเหมือนไฟ ..วัวธนู "หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง"ขวิดเข้าที่ท้องกระเด็นไปหลายวา..โจรขโมยควายถึงกับเลือดสาด!!

วิธีการสร้างวัวธนูตำรับหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง

ในการจัดสร้างวัวธนู หลวงพ่อน้อย จะจัดพิธีในโบสถ์ เครื่องสังเวย มีหัวหมู เครื่องพร่าปลายำ และผลไม้ต่าง ๆ ล้อมวงด้วยสายสิญจน์รอบโบสถ์ พอถึงฤกษ์สิทธิโชคที่หลวงพ่อน้อยกำหนดไว้ ก็เริ่มจุดธูปเทียนชัย ผู้ที่จะเข้าร่วมพิธีทุกคน จะต้องถือศีลห้าก่อน ๗วัน และต้องนุ่งขาวห่มขาว เนื่องจากการสร้างวัวธนูจะต้องสร้างให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ ชั่วโมง ๒๗ นาที และต้องจัดสร้างในวันมาฆบูชาหรือในวันวิสาขบูชาเท่านั้น ฉะนั้นจึงต้องมีการตระเตรียมวัสดุที่จะมาสร้างวัวธนูไว้แต่เนิ่น ๆ เช่น มีการผูกโครงวัวธนูด้วยเส้นลวดทองแดง และเตรียมแผ่นโลหะทองแดงสำหรับทำตะกรุดดอกเล็กเพื่อบรรจุในโครงวัวธนูด้วย ส่วนชันโรงได้นำมารวมกันใส่ในภาชนะตั้งไฟเคี่ยวเตรียมไว้เช่นกัน

พอถึงฤกษ์ที่กำหนดไว้ หลวงพ่อน้อยก็ลงอักขระขอมในแผ่นโลหะพร้อมม้วนเป็นตะกรุด หลวงพ่อน้อยจะจารด้วยพระคาถาหัวใจพระฉิม “นะชาลิติ” บางแผ่นอาจมีจาร นะ๒๑ และโม๑๒ เข้าไปด้วย (หมายถึงคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด) เสร็จแล้วท่านก็จะส่งให้ผู้เข้าร่วมพิธีนำไปบรรจุในโครงลวดและให้เอาชันโรงที่เคี่ยวไว้พอกทับโครงวัวธนู วัวธนูที่ปั้นเสร็จแล้วหลวงพ่อน้อยจะนำมาเจิมที่เขาด้วยน้ำมันจันทน์ทุกตัว พร้อมทั้งภาวนาคาถากำกับซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

วิธีบูชาวัวธนู หลวงพ่อน้อย

เมื่อท่านได้วัวธนูหลวงพ่อน้อยมาบูชาแล้ว ให้ทำหิ้งหรือชั้นสำหรับตั้งบูชา หรือจะจัดทำเป็นคอกวัวเล็ก ๆ ก็ได้ ส่วนเครื่องสักการะก็มีน้ำจากบ่อหรือสระก็ได้ ๕ บ่อ บ่อละนิดหน่อยใส่ภาชนะเล็ก ๆ ไว้บูชา ใบพุทรา ๕ ใบ หญ้าคา ๕ ใบ ม้วนให้เล็ก ๆ โดยใช้ด้ายผูก เมื่อเตรียมเสร็จแล้ว ให้จุดธูป ๔ ดอก เทียน ๑ คู่ แล้วน้อมระลึกถึงสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ต้นตำรับการสร้างวัวธนูเป็นอันดับแรก น้อมระลึกถึง ทวดมี ทวดมา ผู้เป็นบิดา มารดา ของหลวงพ่อน้อย และสุดท้ายก็หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เสร็จแล้วให้ภาวนาคาถากำกับพระคาถาดังนี้

เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ

ตะยะสาทา สาสาทิกุ กุทิสาสา

กุตะกุภู ภูกุตะกุ ตะพุทธะโคสวาหะ

เอเตนะ สัจเจนะ โสตถิเตฯ ชัย มังคลานิ (สวด ๓จบ)

อภัยกุสุนราชา วิชัยพระรุทสุดยอดสอดอินทรา

นันตรา สุขังโหตุ ชัยมังคลานิฯ (สวด ๑ จบ)

คาถาถวายหญ้าและน้ำ

อมธัมมิธัมเม รัตนัง ปณีตัง

ตถูปมัง สปุริสัง วันทามิ มิหัง (สวด ๑ จบ)

วัวตัวหนึ่งสีดำ ดวงตาแดงเหมือนไฟ ..วัวธนู "หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง"ขวิดเข้าที่ท้องกระเด็นไปหลายวา..โจรขโมยควายถึงกับเลือดสาด!!

วัวตัวหนึ่งสีดำ ดวงตาแดงเหมือนไฟ ..วัวธนู "หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง"ขวิดเข้าที่ท้องกระเด็นไปหลายวา..โจรขโมยควายถึงกับเลือดสาด!!

คุณประโยชน์ของวัวธนู หลวงพ่อน้อย

จากประสบการณ์ และผู้ได้พบเห็นสรรพคุณของวัวธนู และตำนานโบราณกล่าวไว้ว่าดังนี้

๑. ให้ประโยชน์ในด้านทำมาค้าขาย หรือจะติดต่อผู้ใดแม้จะไปพบปะศัตรูก็ตามให้พกวัวธนูติดตัวไป

๒. ไปหาผู้ใหญ่หรือเจ้านายให้เอาน้ำรดวัวแล้วรองน้ำนั้นไปปะพรมตัวเองหรือจะปะพรมสิ่งของ ที่จะนำไปมอบให้ผู้ใหญ่ เขาเหล่านั้นจะรักและเอ็นดูและเกื้อกูลให้สำเร็จสมประสงค์

๓. ถ้ามีวัวควายเจ็บป่วยไม่กินหญ้ากินน้ำให้เอาน้ำรดวัวธนูแล้วรองเอาน้ำไปปะพรมหญ้าและผสมน้ำให้วัวควายกิน จะหายและแข็งแรงยิ่งขึ้น

๔. อาบน้ำวัวธนูแล้วรองน้ำมาอาบตัวยิ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำด้วยยิ่งวิเศษสุด จะเป็นมงคลและมีเสน่ห์

๕. พกติดตัวจะช่วยป้องกันชีวิต นอกจากนั้นใช้ในด้านคงกะพันชาตรีก็ได้ผลดีเช่นกัน

๖. วัวธนูใช้ป้องกันอาถรรพ์ ป้องกันผู้ร้าย และป้องกันไฟได้ดี

๗. วิธีบอกอาณาเขตให้วัวธนูดูแลให้เอาน้ำรดวัวธนูแล้วเอาถังน้ำมารองให้นำน้ำนี้ไปรดแนวรั้วทั้ง ๔ ด้าน ของพื้นที่บ้านเพื่อเป็นการบอกอาณาเขตที่วัวธนูต้องดูแลบ้านหลังนั้น

วัวตัวหนึ่งสีดำ ดวงตาแดงเหมือนไฟ ..วัวธนู "หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง"ขวิดเข้าที่ท้องกระเด็นไปหลายวา..โจรขโมยควายถึงกับเลือดสาด!!

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล

Cr.SaRaN Wiki

คาถาครูพักลักจำ

http://changwathuay.com