"รู้วันตาย..แต่ไม่ตาย" ด้วยบารมีหลวงปู่สรวง!! "หลวงพ่อพูน" วัดป่าโคกชาติ  รถคว่ำ กระโหลกศีรษะแตกเป็นลูกมะพร้าว รอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"รู้วันตาย..แต่ไม่ตาย" ด้วยบารมีหลวงปู่สรวง!! "หลวงพ่อพูน" วัดป่าโคกชาติ  รถคว่ำ กระโหลกศีรษะแตกเป็นลูกมะพร้าว รอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ !!

 

              หนึ่งในผู้ที่ได้สัมผัสกับปาฏิหาริย์ของหลวงปู่สรวงนั้น เป็นประสบการณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือ “หลวงพ่อทองพูน วัดป่าโคกชาติ” ท่านได้เปิดเผยว่า เมื่อปี ๒๕๔๔ หลวงพ่อทองพูน ท่านทราบด้วยญาณของท่านว่าจักต้องตายแน่ในปี ๒๕๔๕ นี้ ท่านจึงได้ทำบุญถวายสังฆทานครั้งใหญ่ เพื่อต่ออายุให้ได้ปฏิบัติธรรมต่อไป ท่านจึงผ่านพ้นช่วงปี ๒๕๔๕ มาได้ และในปีนั้นเองท่านก็ทราบอีกว่า ว่าท่านจักต้องตายแน่ในปี ๒๕๔๗ ครั้นเมื่อออกพรรษาปี ๒๕๔๖ จึงได้บอกลาชาวบ้านให้นิมนต์พระมาจำพรรษาดูแลวัดต่อไปท่านประสงค์จะไปมรณะ ที่จังหวัดสุรินทร์ แต่ชาวบ้านไม่ยอม

"รู้วันตาย..แต่ไม่ตาย" ด้วยบารมีหลวงปู่สรวง!! "หลวงพ่อพูน" วัดป่าโคกชาติ  รถคว่ำ กระโหลกศีรษะแตกเป็นลูกมะพร้าว รอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ !!

 

                 พอเข้าถึงปี ๒๕๔๗ วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๔๗ ในวันนั้นท่านมีงานนิมนต์จึงนั่งรถลูกศิษย์ออกจากวัดไป ในวันดังกล่าวลูกศิษย์ที่เป็นคนขับรถมีอาการไข้จึงกินยาแก้ไขและยาแก้แพ้ ผลทำให้มีอาการง่วง และหลับใน จึงเป็นเหตุให้รถของท่านพุ่งลงข้างทาง ชนรั้วชาวบ้านระเนระนาด รถบุบไปหมด ในวันนั้นผู้ที่ไปด้วยกันรวมทั้งคนขับไม่มีใครเป็นอะไรมีแต่หลวงพ่อทองพูนเท่านั้นที่กะโหลกศีรษะแตก ที่ว่ากะโหลกศีรษะแตกนั้นมีแตกเป็นเสี่ยงเหมือนลูกมะพร้าวเลยทีเดียว


  

"รู้วันตาย..แต่ไม่ตาย" ด้วยบารมีหลวงปู่สรวง!! "หลวงพ่อพูน" วัดป่าโคกชาติ  รถคว่ำ กระโหลกศีรษะแตกเป็นลูกมะพร้าว รอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ !!

 

                จนใครเข้ามาดูเหตุการณ์ก็คิดว่าท่านคงมรณภาพไปแล้วพอเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล เพียง ๙ วันท่านก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดจนหมอตกใจ ปกติต้องรักษากันหลายเดือนทีเดียว ที่น่าแปลกกว่านั้นคือไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใดตั้งแต่วันแรกที่บาดเจ็บและวันต่อๆ มา ก็นับเป็นเรื่องที่น่าแปลกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
               วันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วทำให้ท่านรอดมาได้ ท่านบอกว่าวันนั้นท่านได้นำเสื้อแดงออกศึกและช้อนที่เป็นของหลวงปู่สรวง ติดตัวไปด้วยท่านเชื่อว่าที่รอดมาได้ก็เพราะบารมีหลวงปู่สรวง ได้ปกปักษ์รักษาคุ้มครองให้มีชีวิตรอด เพื่ออยู่สืบทอดพระศาสนานั่นเอง

            สำหรับหลวงพ่อพูนนั้น ท่านเป็นคนพื้นเพเมืองสุรินทร์ มีพี่น้อง ๑๓ คน ตัวของท่านเป็นคนสุดท้อง เมื่อบวชอยู่ในบวรพระพุทธศาสนานั้น แต่เดิมท่านไปศึกษาเล่าเรียนด้านการปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่ดุลย์ อตุโลและหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ในขณะที่ท่านอยู่สุรินทร์นั้นหลายครั้งได้ยินเขาร่ำลือเกี่ยวกับหลวงปู่สรวงแต่ไม่มีโอกาสได้ไปกราบจนกระทั่งประมาณปี ๒๕๓๑-๒๕๓๒ พวกคณะญาติโยมได้พาหลวงพ่อทองพูนไปกราบหลวงปู่สรวงที่อำเภอภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

            ขณะนั้นพบหลวงปู่สรวงอยู่ในเถียงนากลางทุ่ง  เมื่อหลวงพ่อทองพูนเข้าไปกราบหลวงปู่ท่าน ท่านก็ชวนคุยธรรมะนิดๆหน่อยๆ จากนั้นท่านก็ยื่นผ้าสบงให้ ซึ่งก็แปลความหมายได้ว่าท่านต้องการให้เราอยู่เป็นพระไปนานๆ เป็นพุทธบุตรอยู่ในบวรพระพุทธศาสนานี้ อย่าไปใช้เสื้อไปใช้กางเกง ให้บวชเป็นพระเรื่อยไป

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ หลวงปู่สรวง อริยะเหนือโลก