ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เก๊า ม้าเก็ง ก้าวขึ้นมาอยู่หัวแถวของนักเลงร้าย ด้วยความอำมหิต เหี้ยมเกรียมในกมลสันดาน และการไม่ยอมก้มหัวให้ใคร จุดระเบิดอีกอย่าง ของเก๊า ม้าเก็งคือ โทษะจริตที่เขาไม่เคยยับยั้ง เมื่อใดที่พายุอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา เก๊าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ดังนั้น บริวารที่จงรักภักดี ถึงขั้นยอมตาย ถวายชีวิตให้ จึงมีนับตัวได้ สำหรับคนที่เก๊าไว้วางใจและเชื่อในฝีมือมากที่สุด ก็คือ เก๊าตี๋ น้องชายร่วมอุทรของเขาคนเดียวนั่นเอง แต่เก๊าตี๋ ยังติดอยู่ในคุกลาดยาว จึงไม่มีใครเดินเคียงข้าง ระวังหลังให้กับเขา

ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

เก๊า ม้าเก็ง มีรายได้จากการเก็บค่าคุ้มครองในแต่ละวันไม่ใช่น้อย แต่รายจ่ายของเขาก็ไม่ใช่น้อยเช่นกัน เพราะต้องเกื้อกูลบรรดาบริวารซึ่งอยู่ในอาณัติของเขา อีกอย่างคือ เก๊า ม้าเก็ง ยังหลงอยู่ในการพนันอย่างหนัก และเขาเล่นอย่างดีเดือด จนเป็นที่รู้ไปทั่วทุกบ่อน เหตุนี้เงินจำนวนมากที่ผ่านเข้ามาในมือเก๊า จึงไหลไปอยู่กับเจ้ามือจนหมดเกลี้ยง
คืนวันนั้น เก๊า ม้าเก็ง ขึ้นไปเยือนบ่อน ๖ ชั้นของล้อวงเวียนฯ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เพราะเพิ่งรู้ข่าวมาว่า ใจฝ่า กับ โอกุ่ยซ้ง มาอยู่กับ ล้อ วงเวียนฯ และทำหน้าที่ดูแลบ่อนให้กับล้อ

ใจฝ่า กับ โอกุ่ยซ้ง สองหนุ่มเลือดมังกรคู่นี้ เป็นเด็กของ เก๊า ม้าเก็ง มาก่อน และเก๊า ถือว่า เขาปั้นให้ทั้งคู่ดังขึ้นมา จนมีศักดิ์ศรีไม่น้อยหน้าใคร แทนที่ทั้งสองคนจะแสดงความจงรักภักดีไปอยู่กับเขา กลับข้ามฟากมาอยู่กับล้อ

อีกข้อหนึ่งที่เก๊า ม้าเก็ง จงชังสองมังกรหนุ่มรุ่นหลังมานานก็คือ ระหว่างที่เขาหมดอิสระภาพอยู่ในบางขวาง โอกุ่ยซ้ง กับใจฝ่า ไม่เคยโผล่หน้าไปเยี่ยมแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีใครรู้ว่า เพราะเหตุใด เก๊า ม้าเก็ง ถึงเพิ่งมาเอาเรื่องกับ ใจฝ่า และโอกุ่ยซ้ง ในวันนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมื่อเก๊า ม้าเก็ง เริ่มมีโทษะ ทุกคนในบ่อน จึงรีบเอาอกเอาใจ มนุษย์อันตราย ให้ผ่อนเพลาอารมณ์ร้ายลง

เก๊า ม้าเก็ง เรียกเอา "ชิบ" เล่นการพนันเป็นเงิน ๕ หมื่นบาท จากบ่อนมาก่อน โดยใช้เครดิตค้ำประกัน ทางบ่อนต้องยอมให้ชิบไปด้วยความเกรงใจ และเก๊า ก็ละลายชิบ ราคา ๕ หมื่นบาท วายวอดไปในวงถั่ว ภายในเวลาไม่นานนัก

เก๊า เรียกเอาชิบมาอีก ๕ หมื่น คราวนี้นักเลงคุมบ่อน ไม่สามารถให้ชิบ ตามที่เก๊าต้องการ เพราะเป็นระเบียบของบ่อน ที่เขาฝ่าฝืนไม่ได้จริงๆ "มังกรม้าเก็งเอ๋า" เดือดพล่านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เก๊าดึงปืนคู่มือ สองกระบอก ออกจากซอกเอว เอามาวางจำนำกับทางบ่อน ในราคา ๕ หมื่นบาททันที จึงสุดวิสัยที่นักเลงคุมบ่อน จะปฏิเสธได้ จึงจำเป็นต้องจ่ายชิบให้ และเก็บรักษาปืน ๒ กระบอก ของเก๊าเอาไว้

เก๊า ย้อนกลับไปยังวงถั่วอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน นักเลงคุมบ่อน รีบต่อโทรศัพย์ไปยัง ล้อ วงเวียนฯ รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังโดยละเอียด รวมทั้งที่เก๊าเอาปืน๒กระบอกจำนำไว้ด้วย
ล้อ วงเวียน สั่งให้นักเลงคุมบ่อน โทรศัพท์มารายงานเหตุการณ์ให้เขาทราบทุกระยะ แต่อย่าบอกให้เก๊า ม้าเก็ง รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนเด็ดขาด นักเลงใต้อาณัติย่อมรับคำสั่งนั้น

"ล้อ วงเวียน"สมองพล่านด้วยแผนการที่ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เพราะเป็นครั้งแรกที่เขารู้อย่างชัดเจนว่า เก๊า ม้าเก็ง ยอมให้ปืนอยู่ห่างตัว ซึ่งโอกาสเช่นนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว เสือที่ปราศจากเขี้ยวเล็บ ย่อมไร้อานุภาพ ของความเป็นเสือ ที่จะพิฆาต เข่นฆ่าใครได้อีก

ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

"ชิบ"ราคา ๕ หมื่นบาท วายวอดไปในเวลาอันสั้น เพราะเก๊าโหมแทงหนัก อย่างขาดสติ หมดชิบ เกลี้ยงหน้าตักแล้ว "มังกร ม้าเก๊งเอ๋า" ลุกมาต่อโทรศัพท์ไปหา เจ๊ตา ที่บ่อนยานนาวา ขอยืมเงินมาสู้และไถ่ปืนคู่มือ เมื่อฝ่ายนั้นตอบตกลง และให้เดินทางไปเอาเงินได้ เก๊า ม้าเก็ง จึงวางหูโทรศัพท์ พอหันมา จะออกจากบ่อน ก็ประจันหน้ากับ โอกุ่ยซ้ง และ ใจฝ่า ซึ่งกลับเข้ามาหลังจากออกไปกินข้าวข้างนอก สองมังกรหนุ่มรีบยกมือคาราวะ แต่เก๊า ม้าเก็ง ไม่ยอมรับความเคารพนั้น และอารมณ์กำลังขุ่นมัว เพราะเสียถั่ว จนเกลี้ยงกระเป๋า มาเจอหน้า เด็กที่ตนมีอคติอีก เลือดร้อนของเก๊าก็เดือดพล่าน "พวกมึงยังรู้จักกูอีกหรือ" เก๊าคำรามเสียงกร้าว

ใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง หน้าสลด พลันนั้น เก๊า ม้าเก็ง ก้าวเข้าไปหา ฉวัดมือตบหน้าสองมังกรหนุ่ม คนละฉาดอย่างไม่ไว้หน้า แล้วจ้องตาพร้อมเอาเรื่อง "มึงคิดข้ามกูเมื่อไหร่นัดวันมาเลย" ท้าทายและหยามหยันเป็นคำสุดท้าย แล้วมังกร ม้าเก็งเอ๋า ก็ออกจากบ่อนไป ไม่แยแสว่า โอกุ่ยซ้งและใจฝ่า จะเจ็บและอายซักเพียงใด

ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

ขณะนั้นนักเลงคุมบ่อน ต่อโทรศัพท์ฉับไว ไปถึง ล้อ วงเวียนฯ และรายงานว่า เก๊า ม้าเก็ง ทำอะไรกับใจฝ่าและโอกุ่ยซ้ง เข้าล็อคที่ล้อวงเวียนวางแผนทันที ล้อ ให้โอกุ่ยซ้งและใจฝ่ามาพูดโทรศัพท์ด้วย ใจฝ่าเป็นคนเจรจากับล้อ นานหลายนาที ด้วยท่าทางเครียดสุดขีด เมื่อวางโทรศัพท์ลง ใจฝ่าดึงโอกุ่ยซ้งออกจากบ่อนไปด้วยกัน

ไม่มีใครรู้ว่า ใจฝ่ารับฟังคำพูดของล้อ ว่าอย่างไร และล้อกล่าวคำแบบไหน จึงทำให้ใจฝ่า แสดงทีท่าเหมือนตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง แบบไม่ลังเล เท่าที่ประเมิณจากเหตุการณ์ผ่านมา ล้อ วงเวียนฯ ผู้มีสมองแพรวพราวด้วยเล่ห์เหลี่ยม คงฉวยโอกาสขณะที่ใจฝ่าและโอกุ่ยซ้ง ถูกรุ่นพี่ เก๊า ตบหน้าให้อายคนและกำลังเจ็บแค้น เพราะถูกหยามหมิ่น ต่อหน้าคนในบ่อนซึ่งตนคุมอยู่

ตรงนี้ที่เก๊า ม้าเก็ง ทำผิดวิสัยนักเลง เพราะใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง ไม่ใช่เด็กเดินตามหล้งเก๊าอีกต่อไปแล้ว หากทะยานขึ้นจนมีระดับเป็นนักเลงคุมบ่อน เป็นที่ยอมรับในฝีมือ และใจ ว่าไม่น้อยหน้าใครเลย
แต่ เก๊า ม้าเก็ง กลับกระทำเหมือน สองมังกรหนุ่มไม่มีราคา ในสายตากระนี้ มีหรือที่ใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้งจะไม่ร้อนพล่านด้วยโทษะจริต

ดังนั้น ถ้าล้อ พูดสะกิดใจให้ ใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง ได้คิดว่า ถ้าเขายอมให้เก๊า ม้าเก็ง เหยียบติดดิน เช่นที่ทำไปแล้ว เขาจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรในวงการนักเลง ประกอบกับเก๊า ม้าเก็ง ปราศจากเขี้ยวเล็บที่จะปกป้อง จังหวะนี้แหละ ที่จะเรียกเก็บหนี้แค้นเป็นเหมาะที่สุด

ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

เหตุนี้ เด็กรุ่นหลังซึ่งเพิ่งขยับขึ้นชั้นมาดังได้ไม่เท่าไหร่ จึงตัดสินใจกระทำการอันห้าวหาญ เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ที่วัดดอนยานนาวา เก๊า ม้าเก็ง นั่งแท็กซี่มาลงในเขตวัด เพื่อเดินทะลุหลังวัดไปยังบ่อนเจ๊ตา ซึ่งเขาโทรศัพท์มาขอยืมเงินล่วงหน้าไว้แล้ว

เก๊า ม้าเก็ง จ่ายค่าแท็กซี่เรียบร้อย ก็ออกเดินไปยังด้านหลังวัด ทันใดนั้น รถเก๋งคันหนึ่ง ได้แล่นเข้ามาจ่อท้ายรถแท็กซี่ พร้อมๆกับประตูหน้าสองข้างเปิดผาง ใจฝ่าและโอกุ่ยซ้ง ก้าวออกมาคนละด้าน ในมือกระชับปืนทั้งคู่

เก๊า ม้าเก็ง คิดไม่ถึง ว่าเด็กรุ่นหลังจะบังอาจ ตามเขามาในลักษณะศัตรู มังกรม้าเก็งเอ๋าตวัดมือตะปบปืนด้วยความเคยชิน แล้วก็ใจหายวาบเพราะพบแต่ความว่างเปล่า เก๊า หันกลับแล้วสับตีนวิ่งออกหลังวัดทันที แต่ใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้งไม่ยอมให้ เก๊า ม้าเก็ง หนีรอดไปได้เด็ดขาด ทั้งสองเผ่นตาม พร้อมกับเหนี่ยวไกปืน หมายแผ่นหลังของเก๊าเป็นเป้า

เก๊าหลุดจากเขตวัด ก็เจอทางเดินเป็นสะพานไม้แคบๆ ซึ่งทอดยาวไปยังบ่อนเจ๊ตา เขาทะยานหนีไปบนเส้นทางนั้น เพราะไม่มีทางอื่นอีก เผ่นไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างสันทัดก็หัวทิ่มถลา เข้ากระแทกรั้วสังกะสีบ้านข้างทาง เพราะเจอลูกปืนทะลวงเข้าแผ่นหลังเต็มเหนี่ยว แต่ธาตุทรหดทำให้เก๊าไม่ยอมหมอบง่ายๆ เขาเซซังลุกขึ้นมาอีก และพยายามหนีสุดชีวิต

ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

ใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง ไล่ตามมาพร้อมกับระเบิดกระสุนเข้าใส่มังกรร้ายจนตกจากสะพานไม้ลงไปในพงหญ้า กลางดงน้ำครำ ความกลัวตายและรักชีวิตของตนเอง เป็นพลังสุดท้ายที่ทำให้ เก๊า ม้าเก็ง ตะเกียกตะกาย คลานหมุดเข้าไปหลบอยู่ใต้สะพานไม้แคบๆ

เลยกลายเป็นเป้านิ่งให้สองมังกรหนุ่มสับไกระเบิดกระสุนถล่มเข้าใส่เป็นจุดเดียว มันเป็นการยิงอย่างมหาวินาศ เพราะใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง ยิงจนกระสุนหลายชุดที่นำติดตัวไปหมดเกลี้ยง ต้องวิ่งกลับไปเอากระสุนสำรองในรถมาอีก เพื่อกระหน่ำมังกร "ม้าเก็งเอ๋า"ที่หมอบแน่นิ่ง ชนิดไม่ยอมให้เหลือลมหายใจติดตัวทุกกรณี

เสียงปืนสนั่นหวั่นไหวราวกับเกิดศึก ทำให้ชาวบ้านระแวกนั้นเริ่มโผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์ ใจฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง จำเป็นต้องถอยหลังกลับ แล้วขับรถทะยานหายไปในความมืด ส่วนเก๊า ม้าเก็ง กลายเป็นศพ ฟุบอยู่ในน้ำครำใต้สะพานไม้แห่งนั้น ทั่วร่างพรุน ด้วยแผลกระสุนกว่า ๔๐ นัด

"มังกรร้าย"แห่งตรอก"ม้าเก็งเอ๋า" หรือมนุษย์อันตรายผู้ยิ่งใหญ่ จบชีวิตลงไปตามกฏของ "กงกรรม-กงเกวียน" อย่างทันตาเห็น

ตำนาน...มาเฟียหัวแถว "เก๊า ม้าเก็ง" ชื่อที่ทุกคนในยุคนั้นเกรงกลัวด้วยความอำมหิต แม้แต่เด็กยังหยุดร้องไห้ !!!

อ้างอิงข้อมูลจาก - Facebook เรื่องเล่าชาวสยาม , บทความจากคุณ Angkan Soontornkamolwat