- 06 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
มีเรื่องเล่ามากมายที่ถูกจารึกต่อๆกันมาสู่ยุคปัจจุบัน และมีหลายเรื่องเล่าขานตำนานที่กลายมาเป็นความเชื่อ มีเป็นสิ่งเคารพบูชาในยุคปัจจุบัน และอาจจะมีหลายคนที่ทำตามความเชื่อโบราณที่เล่าขานกันต่อๆมาจนกลายเป็นความเชื่อที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ รวมถึงเรื่องที่เราจะมาพูดคุยกันในวันนี้นั่นคือเรื่อง การห้ามนอนก่อนพระอาทิตย์ตกดินและห้ามเหยีบธรณีประตู ซึ่งมีหลายคนที่ทำตามแต่หารู้ไม่ว่าความเชื่อเหล่านี้เกิดขึ้นมาอย่างไรวันนี้เราจะมาหาคำตอบส่วนนึงกันครับ
ครั้งบรรพกาล พระวิษณุ อวตารลงมาเกิดเป็นสัตว์ที่มีลักษณะครึ่งคนครึ่งสิงห์ หรือที่เรียกกันว่า นรสิงห์ เพราะต้องการที่จะปราบยักษ์หิรัณยกศิปุ ที่อาละวาดไปทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็น โลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์ เนื่องจากเจ้ายักษ์หิรัณยกศิปุนั้นได้รับพรจากพระพรหมว่า ไม่มีใครไม่ว่ามนุษย์ สัตว์ เทวดา ยักษ์ ผู้ใดฆ่าให้ตายได้ ไม่มีอาวุธชนิดใดฆ่าให้ตายได้ ไม่ตายในเวลากลางวันและกลางคืน ไม่ตายในบ้านและนอกบ้าน ไม่ตายบนพื้นดิ พื้นน้ำและอากาศ ดังนั้นพระวิษณุจึงได้อวตารเป็น นรสิงห์ เพื่อจะไปฆ่ายักษ์ตนนี้
เมื่อพระวิษณุอวตาลเป็นนรสิงห์ เพื่อปราบยักษ์หิรัณยกศิปุ ซึ่งฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย จึงได้ทราบว่ายักษ์ตนนี้ได้พรวิเศษจากพระพรหม จึงได้จับยักษ์หิรัณยกศิปุมาวางพาดไว้บนขื่อธรณีประตูบ้าน ซึ่งเป็นเวลาโพล้เพล้ แล้วจึงถามเจ้ายักษ์ว่า"เราใช่มนุษย์ไหม ใช่เทวดาไหม เป็นยักษ์ไหม เป็นสัตว์ไหม" เจ้ายักษ์ตอบไม่ได้ "เวลานี้กลางวันหรือกลางคืน" เจ้ายักษ์ก็ตอบไม่ได้ "ตอนนี้ตัวท่านอยู่ในบ้านหรือว่านอกบ้าน" เจ้ายักษ์ก็ตอบไม่ได้อีก จนถึงคำถามสุดท้ายคือ "เล็บมือเราใช่อาวุธไหม" เจ้ายักษ์ตอบว่าไม่ใช่ นรสิงห์จึงใช้เล็บมือฉีกอกเจ้ายักษ์หิรัณยกศิปุจนตาย เพราะคำตอบว่า "ไม่ใช่" ของเจ้ายักษ์ทำให้พรของพระพรหมเสื่อมลง
จากนิทานเล่าขานที่มีอายุยาวนานเกือบ 3000 ปี ของฤาษีวาลมิกิ สู่การเป็นปฐมบทเหตุของความเชื่อว่า ห้ามนอนก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และ ห้ามเหยียบธรณีประตู นี่เป็นเพียงบทหนึ่งของเรื่องเล่าที่กลายเป็นความเชื่อที่ไม่ใช่เป็นความเชื่อแค่คนไทยเท่านั้นแต่ยังมีอีกหลายๆประเทศที่เชื่อในแนวทางเดียวกันนี้ ไว้เวลาเหมาะๆเราจะมีเรื่องราวน่าสนใจมาให้อ่านกันอีกครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก - เฟสบุ๊ค พระเจ้าชัยวรมันที่ 7