ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เปิดตำนาน งูยักษ์ แห่ง “จังหวัดกาญจนบุรี” ที่เขมือบทหารญี่ปุ่น หลายคน ในครั้งเดียว

 

 

เมื่อประมาณ ปีพ.ศ. ๒๔๘๕ ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ ๒ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาใน จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนวนมากเพื่อทำที่มั่นในการโจมตีทหารอเมริกันกันและพันธมิตรในเขตภาคพื้นเอเชีย ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าดงดิบหนาทึบทำให้ทาง กองทัพญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงความปลอดภัยเพื่อการหลบลี้จากกองกำลังฝ่ายตรงข้าม

 

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

งูเหลือมยักษ์

 

 

ทหารญี่ปุ่นโหดร้ายมากใช้เชลยศึกที่จับมาได้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่านลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างสะดวก ว่ากันว่าก่อนจะสร้างได้สำเร็จนั้น ต้องสังเวยชีวิตเชลยศึกไปร่วมหลายหมื่นคนจนมีคำพูดเปรียบเปรยว่า “หนึ่งไม้หมอนรถไฟแทนหนึ่งชีวิตที่เสีย”

 

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

งูเหลือมยักษ์

 

 

เรื่องตำนานงูยักษ์ที่เคยมีคนพูดถึง คุณลุงเล่าว่า สมัยนั้นทหารญี่ปุ่นได้ใช้ใจกลางป่าจ.กาญจนบุรีเป็นที่มั่นในการทำสงครามแน่นอนว่าต้องรุกล้ำเข้าไปในเขตของสัตว์ป่าที่อยู่ลึกจนแทบไม่เคยมีชาวบ้านคนใดเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน ทั้งในถ้า ซอกหิน ต้นไม้ต่างๆนาๆถูกดัดแปลงทำเป็นป้อมปราการพร้อมรบ เมื่อตกกลางคืนก็ได้มีการจัดเวร

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

ถ้ำ

 

 

ยามออกลาดตะเวนรอบๆฐานที่มั่นแบ่งเป็นกะ ๑๐-๑๕ คน คอยออกลาดตะเวนทุกคืน แต่แล้วบางคืน กองลาดตะเวนก็กลับมาไม่ครบ หายไปทีละ ๓-๕ คน เมื่อออกค้นหาไม่พบจึงคิดว่าเป็นข้าศึกแอบลอบเข้ามาโจมตี จึงได้จัดเวรยามให้เข้มงวดขึ้นอีกเท่าตัว แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้คือมีทหารหายไปแทบๆจะ ๓คืน ต่อครั้ง จนผู้บังคับบัญชาทนไม่ไหว รุ่งเช้าจึงจัด กำลังหลายร้อยออกค้นหาทหารที่หายไป

 

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

ทหารญี่ปุ่น

 

 

จนในที่สุดก็ได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง เป็นโพลงลึกมืดและบรรยากาศหนาวเย็น จึงส่งทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปดู ระหว่างที่ส่งทหารเข้าไปนั้นฝ่ายที่เฝ้าดูอยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงปืนขึ้น๑-๒ ครั้ง จึงทำให้คิดว่าเจอข้าศึก จึงได้ส่งทหารอีกกลุ่มเข้าไปทันที ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ทหารเหล่านั้นวิ่งกลับออกมาอย่างไม่คิดชีวิต พลางอุทานว่า “สัตว์ประหลาด” ผู้บังคับบัญชาและเหล่าทหารที่รออยู่ข้างนอกต่างพากันแตกตื่น ในที่สุดก็มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าให้เอาระเบิดมาระเบิดถ้ำนี้ซะ

 

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

ทหารญี่ปุ่น

 

 

ระเบิดจำนวนมากถูกส่งมาระเบิดปากถ้ำปริศนาดังกล่าว โดยเริ่มกดชนวนระเบิดไล่ไปเรื่อยๆตั้งแต่ปากถ้ำ จนถึงภายในถ้ำ อย่างระมัดระวัง และแล้วภาพที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เผยอยู่ตรงหน้า เมื่อพบกับ งูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวหลายสิบเมตร ความกว้างขนาดตู้กับข้าวที่อยู่ในครัว กำลังกระเสือกกระสนพาร่างอันสะบักสะบอม เลื้อยออกไปจากถ้ำ ทหารญี่ปุ่นไม่รอช้าจัดการกระหน่ำยิงไม่ยั้งไปยังงูยักษ์ต้นเหตุของการหายตัวไปของเหล่าทหารลาดตะเวน ก่อนที่ มันจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น ทางทหารก็ได้หั่นเนื้อของงูยักษ์ออกเป็นชิ้นๆเพื่อความสะใจ ละเป็นการล้างแค้นให้กับผู้ที่ถูกมันคร่าชีวิตไปอย่างสาสม

 

 

หลังจากเหล่าทหารสำรวจถ้ำโดยละเอียดแล้วก็พบว่ามีโครงกระดูกเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่าหลักร้อย ทั้งคนและสัตว์ใหญ่ เรื่องราวทั้งหมดจึงเป็นเรื่องเล่าสืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนปัจจุบันที่จังหวัด กาญจนบุรี

 

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

งูเหลือมยักษ์

 

 

คุณลุงได้เล่าเพิ่มว่าเรื่องดังกล่าวก็ได้ยินเล่า ปากต่อปากมาเหมือนกันยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงแต่ข้อมูลบางอย่างอาจผิดเพี้ยนไปบ้างตามคนเล่าต่อกันมา เมื่อมีนักท่องเที่ยวทราบว่าคุณลุงเป็นคนพื้นที่ ก็มักจะถามเรื่องนี้อยู่ตลอด

 

 

เรื่องเล่าที่สุดสยอง!! "งูเหลือมยักษ์"เขมือบทหารญี่ปุ่นครั้งเดียวหลายคน อย่างน่าสะพรึงกลัวช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในถ้ำแห่งหนึ่งแทบทุกคืน..

ทางรถไฟสายมรณะ

 

 

อ่านเพิ่มเติม...เตือนก่อนตาย!! นรกมีจริง!! "หลวงปู่จันทา ถาวโร"ยืนยันได้!!

 

 

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

: แอพเกจิ – AppGeji