- 10 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ถือเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายกำลังติดตาม ภายหลังนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร แสดงข้อความเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดไว้ 2 ครั้งติดๆกัน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.
โดยครั้งแรกระบุว่า "ข่าวเตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯครับ" และจากนั้นถัดมาไม่กี่ชั่วโมง นายพิสิฐชัย ก็ได้โพสต์อีกครั้งโดยระบุว่า "ข่าวทำคดีเงินทอน เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดราชสิทธิครับ" จนกลายเป็นกระแสความขัดแย้งในหมู่ผู้คนพุทธศาสนา ทั้งๆที่ประเด็นดังกล่าวไม่มีมูลความจริง
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอได้มีการเข้าแจ้งความกับกองบังคับการตำรวจปราบปรามแล้ว เนื่องจากเข้าข่ายเป็นการยุยุง ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งในหมู่สงฆ์ เพราะข้อความที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล โดยทางผู้บริหารดีเอสไอไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ที่สำคัญคดีการทุจริตงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรวัด หรือ คดีเงินทอนวัด ล็อต 4 ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับดีเอสไป โดยทางกองบังคับการตำรวจปราบปรามจะมีการเชิญตัวนายพิสิฐชัยมาสอบข้อมูลในช่วงบ่ายวันนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่าก่อนหน้านั้นทางมหาเถรสมาคม ได้มีการประชุมพิจารณาวาระสำคัญ ว่าด้วยการยกเลิกมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 21/2560 ว่าด้วยการแต่งตั้วคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อพุทธศาสนา วัดคณะสงฆ์ และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งปรากฎ ชื่อนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการ เนื่องด้วยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว
สำหรับนายพิสิฐชัย ทีมข่าว DeepsTnews ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่าในช่วงการแต่งตั้ง ผอ.พศ.คนใหม่ แทนนายพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ มีกระแสข่าวถึงตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนจำนวนหนึ่ง และในรายชื่อปรากฎคือ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ซึ่งเคยร่วมทำคดีสหกรณ์คลองจั่น และกรณีวัดพระธรรมกาย รวมอยู่ด้วย
(นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ)