- 16 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์การเรียกฝนดับไฟ ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๔ ซึ่งผ่านมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว
เป็นข่าวคึกโครมบนหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเวลานั้น นำมาเล่าอีกครั้งให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ฟัง เพื่อระลึกถึงปฏิปทาขององค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ในวันเกิดเหตุ ได้เกิดไฟไหม้ในชุมชนตรอกบวรรังษี หลังวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็น อาคารปฏิบัติธรรม และอาคารเรียน ของวัดบวรนิเวศ เหตุเกิดในเวลาตี ๒ ซึ่งในเวลานั้น บรรดาลูกศิษย์ได้วิ่งไปกราบเรียนเรื่องเหตุไฟไหม้ และตั้งใจจะพาสมเด็จฯ ท่านหลบไปยังที่ที่ปลอดภัย และเรื่องเล่าที่เป็นตำนานเกี่ยวกับปาฏิหาริย์การเรียกฝน เพื่อดับเพลิงไหม้ใหญ่ในครั้งนั้น ก็เกิดขึ้น เมื่อพระผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า
"เจ้าประคุณสมเด็จท่านไม่ยอมเสด็จไปหลบในที่ปลอดภัย แต่กลับให้พาไปยังตึกที่ใกล้กับเหตุเพลิงไหม้มากที่สุด"
บ้างก็เล่าว่า "ท่านยืนนิ่งดูเหตุการณ์และยกพระหัตถ์โบกขึ้นไปบนฟ้า ๓ ครั้ง จากที่มีลมแรงช่วยโหมเปลวเพลิงให้ลุกไหม้หนัก ลมกลับสงบลง และเมฆฝนค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าแทนที่ แล้วมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ ทำให้เพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ค่อย ๆ ดับลงจนหมดสิ้น"
ไม่ต้องพึ่งน้ำจากรถดับเพลิงเลยแม้แต่หยดเดียว นำความประหลาดใจและความเลื่อมใสศรัทธาในผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์สู่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
อีกตำนานก็เล่าว่า "ท่านเพียงแต่เดินมาดูที่เกิดเหตุในขณะเพลิงกำลังโหมกระหน่ำ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงเพ่งเปลวเพลิง เปลวเพลิงลุกแล้วก็ลดลง แล้วก็ลุกอีก เป็นแบบนี้ ๒ ครั้ง แล้วก็สงบลงโดยไม่ต้องอาศัยฝนเมฆ"
และอีกหนึ่งคำบอกเล่า บอกว่า "วันนั้นไม่ได้มีฝนตกแต่อย่างใด แต่ท่านทรงเมตตาและใช้ปัญญาในการช่วยแก้ปัญหา โดยการเปิดทางให้รถดับเพลิงเข้าไปดับได้ง่ายขึ้น มีการช่วยทำสะพานให้ชาวบ้านขนของออก และเปิดให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนเข้ามาพักในบริเวณวัดบวรได้"
ไม่ว่าเรื่องเล่าเรื่องใดจะเป็นจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นได้คือพระเมตตาของสมเด็จฯ ที่เย็นฉ่ำยิ่งกว่าสายฝน ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ชุ่มเย็นภายในจิตใจจากความรุ่มร้อนด้วยมูลเหตุแห่งทุกข์ และท่านทรงเคยสั่งสอนพระภิกษุในเรื่องลักษณะเหตุแห่งธรรมไว้ว่า
"หากเรามีศีลที่บริสุทธิ์ มีสมาธิที่สงบ จิตตั้งมั่นดีแล้ว อะไร ๆ ก็ปรากฏเกิดขึ้นได้ สิ่งเหล่านั้นก็เป็นธรรมะชนิดหนึ่งเหมือนกัน"
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ มหาลาภ