ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

            เนื่อในวันที่ ๒๖ มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงได้รับการสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๒๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงเริ่มดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต แม่กองงานพระธรรมทูต

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

 

 

 

          เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๒๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๑๖.๕๐ น. ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยนิมนต์สมเด็จพระราชาคณะ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เข้าร่วมพระราชพิธี พิธีในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชนั้น จะมีการตีระฆังในวัดพระศรีรัตนศาดาราม ในพระบรมมหาราชวัง จะมีการย่ำระฆังที่เสียงดีที่สุดในโลก ที่หอระฆังวัดพระแก้ว ๒๐ ครั้ง โดยจะมีการตีเฉพาะในพิธีตั้งสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

 


          สำหรับหอระฆัง ของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) แต่ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นใหม่โดยมีลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมไทย ย่อมุมไม้สิบสอง (สี่ด้าน ด้านละสามมุม) ประดับด้วยเครื่องถ้วยชามแบบจีน เป็นลวดลายต่างๆวิจิตรพิสดารอย่างยิ่ง ปัจจุบันได้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี ในปีพ.ศ ๒๕๔๙

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

 

          กล่าวกันว่าองค์ระฆัง ได้มาจากวัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังษี ได้ขุดพบพร้อมกับระฆังอีก ๕ ใบ แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปว่าเท็จจริงประการใด เนื่องจาก หอระฆังแห่งนี้ตั้งอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ระฆังใบนี้จึงจะตีเฉพาะโอกาสสำคัญๆ คือ

"การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชโดยจำตีนับจำนวนครั้งตามลำดับว่าองค์ที่เท่าไหร่ก็ตีเท่านั้น" 

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

 

           โดยหอระฆัง ตั้งอยู่บนฐานทักษิณ  หอระฆังเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส  กว้าง ๗ เมตร ยาว ๘ เมตร เป็นบุษบกทรงมงกุฏ หลังคามุงกระเบื้องดินเผาเคลือบ ปูขอบหลังคาสีเขียวโดยรอบ พื้นหลังคาสีแดง มีประตูทางเข้า ๔ ด้าน เป็นซุ้มจระนำรูปโค้งแหลมประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ตอนบนซุ้มเป็นทรงบันแถลงนาค ๓ เศียร ๒ ชั้น มีช่อฟ้าและหางหงส์รูปหัวนาค กรอบประตูเป็นไม้ทาสีเขียว ผนังฐานทักษิณประดับด้วยกระเบื้องก้นถ้วย รูปกลมสีขาวเป็นพื้น ประดับกระเบื้องถ้วยแต่งดอก ตอนล่างทำเป็นบัวหัวเสา ตอนบนเป็นบัวปลายเสา ประดับกระเบื้องถ้วยขอบนอกเป็นลายรักร้อย บุษบกประดิษฐานระฆังอยู่บนฐานเขียงและฐานสิงห์ ๒ ชั้น คั่นด้วยกระดานฐานบัว ส่วนย่อมุมไม้สิบสองเป็นไม้ปิดทองประดับกระจก ฐานเสาเป็นกาบพรหมศร หัวเสามีคันทวยรับชายคาโดยรอบ ตอนบนระหว่างเสาประดับด้วยสาหร่ายรวงผึ้ง ปลายเป็นพญานาคปิดทอง ตอนล่างของเสาประดับด้วยกระจังปูนปั้นประดับกระจก เพดานปิดทองฉลุลายเป็นรูปดาว แขวนระฆังไว้ตรงกลางเพดานบุษบก

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

 

 

            สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๐ ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปีเถาะ ณ ตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พระชนกชื่อนับ ประสัตถพงศ์ พระชนนีชื่อตาล ประสัตถพงศ์ เป็นบุตรคนที่ ๒ จากพี่น้องทั้งหมด ๙ คน มีพระอนุชาหนึ่งในนั้นคือพระเทพสุเมธี (ไสว วฑฺฒโน) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เจ้าอาวาสวัดศรีสุริยวงศารามวรวิหาร จังหวัดราชบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ ๔ ตำบลโคกกระเทียม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ แล้วมาศึกษาต่อที่โรงเรียนประชาบาลวัดพเนินพลูจนจบชั้น ป.๔ ในปี พ.ศ.๒๔๘๐

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

             เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ พระองค์บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วย้ายไปอยู่วัดตรีญาติเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ต่อมาได้ทรงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ พัทธสีมาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระจินดากรมุนี (ทองเจือ จินฺตากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

 

ดังกังวาล..ทั่ววัดพระแก้ว!! ย่ำระฆัง ๒๐ ครั้ง ธรรมเนียมโบราณ ที่มีแค่ในพิธีแต่งตั้ง "พระสังฆราช" เท่านั้น!!

 

             ขณะจำพรรษาที่วัดตรีญาติ ตำบลพงสวาย สามเณรอัมพร ประสัตถพงศ์ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ สอบได้นักธรรมชั้นโทในปีต่อมา ถึงปี พ.ศ. ๒๔๘๖ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม ๓ ประโยค และสอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยคในปี พ.ศ. ๒๔๘๘

 

             เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ ทรงย้ายมาอยู่จำพรรษา ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินฺตากโร) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระจินดากรมุนี นำมาฝากกับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) และภายหลังอุปสมบท พระองค์ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมต่อในสำนักเรียนวัดราชบพิธฯ จน พ.ศ. ๒๔๙๑ สามารถสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค และ พ.ศ. ๒๔๙๓ สามารถสอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค หลังเป็นเปรียญ ๕ ประโยค พระองค์ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นนักศึกษารุ่นที่ ๕ จบศาสนศาสตรบัณฑิต เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ และทรงเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banaras Hindu University) ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ปี พ.ศ.๒๕๕๒ สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก :  https://th.wikipedia.org