- 11 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่มีเด็กนักกีฬานักฟุตบอลและโค้ช รวม 13 ชีวิต ได้สูยหายเข้าไปในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 มิถุนายน 2561) และไม่กลับออกมาอีกเลย ในขณะนี้หน่วยซีลและเจ้าหน้าที่ ได้พบเด็กๆและโค้ชทั้ง 13 ชีวิต และทุกคนปลอดภัยดี โดยจุดที่พบอยู่ห่างจากพัทยาบีช 400 เมตร
เมื่อวานนี้ (10 กรกฎาคม 2561) เจ้าหน้าที่และหน่วยซีลได้ช่วยเหลือทีมหมูป่า ออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด 13 คน นำส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ท่ามกลางการให้กำลังใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่เฝ้าติดตามชมข่าวสาร
หลายคนคงเคยทราบเรื่องของอาถรรพ์ลี้ลับของ ถ้ำหลวงแห่งนี้ว่ามีสิ่งลี้ลับมากมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ชาวบ้านบริเวณนั้นก็ได้จุดธูป เพื่อบอกกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาให้ช่วยเปิดทางและช่วยคุ้มครอง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้ใช้เฟสบุ๊ค Piyavit Srisanyong ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีอาถรรพ์ของถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยระบุข้อความว่า
#ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน....
ถ้ำอาถรรพ์ ลึกลับ ที่เป็นข่าวขณะนี้....
ถ้ำนี้มีความกว้างใหญ่และลึกมาก ข้อมูลจากกองอุทยานว่า....มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร.....
โดยปกติถ้ำนี้ จะไม่ค่อยมีคนเข้าไปข้างใน เพราะดูลึกลับและน่ากลัวมาก ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีถึงอาถรรพ์ และความลี้ลับที่อยู่ภายในถ้ำ จึงไม่มีใครย่างกรายเข้ามา แม้จะเป็นในเวลากลางวัน.....
ถ้ำนี้มีตำนานเล่าขานถึงความลี้ลับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตำนานของ เจ้าแม่ดอยนางนอน หรือ ตำนานเจ้าปู่พญานาค ผู้ดูแลรักษาถ้ำแห่งนี้....
การที่จะเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ (ตามความเชื่อ) ต้องขออนุญาต จากผู้ที่ดูแลถ้ำ และเข้าไปชมด้วยความสงบ ห้ามส่งเสียงดัง และพูดจาในสิ่งที่ไม่ควร....
ถ้ำนี้จะแตกต่างจากทุกถ้ำที่ไปมา....เพราะทุกอณูของถ้ำ เหมือนมีชีวิต และเหมือนกำลังจับตามองผู้ที่เข้ามาทุกฝีก้าว....
ถ้ำนี้ไม่มีใครที่กล้าเข้ามาพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งๆที่อยู่ในเขตอุทยาน ขุนน้ำนางนอน ซึ่งต่างจากถ้ำที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง กลับได้รับการดูแลอย่างดี.....
#จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้...ตอนนี้ผ่านมา 24 ชั่วโมงแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปในถ้ำได้ ตอนนี้ได้ทำพิธีเบิกถ้ำ ตามพิธีกรรมโบราณ คิดว่าอีกไม่นาน จะพบผู้ประสบเหตุทุกคนนะครับ
สำหรับ ดอยนางนอน เป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง อันเป็นปูชนียสถานสำคัญของภูมิภาคนี้ อีกทั้งเป็นที่ประทับของสมเด็จย่า แม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย สำหรับเทือกเขาดอยนางนอนนี้ มี จุดสูงสุดคือ ผาช้างมูบ ซึ่งมีความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 830 เมตร
สภาพพื้นที่ทั่วไปของดอยนางนอนเป็นภูเขาหินปูน ซึ่งมีถ้ำอยู่หลายแห่ง เช่น ถ้ำหลวงนางนอน ดังนั้นพื้นที่ทางตะวันตกจึงเป็นที่สูงและลาดลงไปทางตะวันออกเป็นพื้นที่การ เกษตร ไปจนจรดเขตอำเภอเชียงแสน ส่วนทางทิศใต้เป็นที่ราบติดกับอำเภอแม่จันและอำเภอแม่ฟ้าหลวง
เรื่องตำนานดอยนางนอนนี้ เล่ากันว่า นานมาแล้ว ณ เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา มีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง มีพระสิริโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่ง ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง อันเป็นการผิดกฏตามโบราณราชประเพณี จึงจำต้องหลบหนีตามกันมา จนกระทั่งถึงที่ราบแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำโขง ช่วงเวลาที่ทั้งคู่หลบหนีมาด้วยกันนั้น เจ้าหญิงก็ทรงพระครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว นางจึงบอกพระสวามีว่าจะประทับรออยู่ที่นี่
ส่วนสวามีก็บอกนางว่าจะไปหาอาหารมาให้ อย่าไปไหนนะ ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินทางออกไปหาอาหารในป่านั้น แต่ทว่าชายหนุ่มนั้นจากไปนานแล้วไม่กลับมาเสียที พอเจ้าหญิงมาได้ทราบข่าวอีกที ปรากฏว่าชายหนุ่มผู้นั้นถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาของเจ้าหญิง ซึ่งได้สะกดรอยตามมาตลอดนั่นเอง ด้วยความเสียพระทัย นางจึงใช้ปิ่นปักผม แทงพระเศียรของพระองค์จนโลหิตไหลออกมาเป็นสายจนถึงแก่พระชนม์ชีพ และสายพระโลหิตที่ได้หลั่งไหล่ออกมานั้นได้กลายมาเป็นต้นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ ส่วนพระวรกายของพระองค์ที่นอนเหยียดยาวจาก ทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจวบจนทุกวันนี้ และส่วนของพระอุทร (ท้อง) ก็เป็นดอยตุง
เส้นทางที่จะไปยังอำเภอแม่จันนั้น มีขุนเขาทอดตัวคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว จึงเรียกว่า ดอยนางนอน เดิมชื่อ ดอยตายสะหรือดอยสามเส้า ซึ่งสอดคล้องกันกับตำนานลาวจก เทวบุตรอย่างแนบแน่น ดอยส่วนที่ศีรษะเรียกว่า ดอยจ้อง หรือดอยจิกจ้อง (เดิมเรียกดอยนี้ว่า ดอยท่าหรือดอยต้า) เป็นดอยของลูกชายปู่เจ้าลาวจกที่รอคอยพ่อ ดอยลูกถัดมาเรียกว่า ดอยย่าเฒ่า ซึ่งเป็นภรรยาของปู่เจ้าลาวจก ส่วนดอยอีกลูกหนึ่งคือ ดอยดินแดง หรือดอยปู่เจ้าลาวจก หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ ดอยตุง
เชื่อกันว่า ดอยทั้ง ๓ นี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของลาวจักราช ผู้เป็นต้นราชวงศ์ของพญามังราย ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาสร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง เหนือดอยดินแดงเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยตุง อันถือเป็นปฐมธาตุแห่งแรกของภาคเหนือ
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟสบุ๊ค Piyavit Srisanyong
http://web.chiangrai.net
maesaibanrao.blogspot.com