มิติซ้อนมิติ?  ย้อนความเชื่อโบราณ.. จริงหรือ?  “ถ้ำ”  คือ ประตูแห่งมิติ สู่เมืองลับแล และ เมืองบาดาล?!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆจากต่างประเทศ ทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี   หากแต่ย้อนไปถึงวันแรกๆที่มีข่าวคราว ก็มีเรื่องราวตำนานของถ้ำหลวงออกมาเป็นระยะๆ รวมไปถึงเมื่อคราว ที่ “ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร” ได้มาสวดมนต์แผ่เมตตาที่หน้าถ้ำหลวงในวันแรก ท่านได้พูดเปรยๆไว้ว่า ภายในถ้ำมีความคล้ายกับเมืองลับแลและเมืองบาดาล ?

 

 

มิติซ้อนมิติ?  ย้อนความเชื่อโบราณ.. จริงหรือ?  “ถ้ำ”  คือ ประตูแห่งมิติ สู่เมืองลับแล และ เมืองบาดาล?!

? นอกจากนี้ล่าสุดยังมีเรื่องเล่าจาก  “โฟล์ค กำพลศักดิ์ สัสดี” อาสากู้ชีพสังกัดกู้ภัยดอกโดน ชาวจังหวัดสตูล ผู้มีความชำนาญด้านการปีนเขามากว่า 20 ปี และเป็นหนึ่งในทีมโรยตัวหาปล่องถ้ำ ภายในถ้ำหลวง ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าเรื่อราวแปลกประหลาดระหว่างการปฏิบัติภารกิจ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว  Folk Kamponsak Sassadee ซึ่งเขาได้พบทั้งแสงประหลาดขนาดเท่ากับเหรียญบาทจำนวนหนึ่ง เสียงสวดมนต์ในอีกหนึ่งภาษา กลุ่มควันที่เคลื่อนตัวเหมือนมีเป้าหมาย  เป็นต้น

สำหรับเรื่องราวเหล่านี้ ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแท้จริงแล้ว มีภพภูมิใดซ้อนกันอยู่ตามความเชื่อหรือไม่? หรืออาจจะเป็นอย่างอื่นก็ย่อมได้ …  หากแต่ในอีกมุมหนึ่ง ที่ครูบาอาจารย์หลายรูปโดยเฉพาะสายป่ากรรมฐาน ได้ธุดงค์วิเวกไปยังสถานที่ต่างๆ เช่นป่าเขา ถ้ำ  เพื่อบำเพ็ญภาวนา  และได้ผจญกับเรื่องราวอันแปลกประหลาดมากมาย ปรากฏเป็นเรื่องเล่าจำนวนไม่น้อย  ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิของเมืองลับแล หรือบ้างก็เรียกว่า เมืองบังบด โดยความเชื่อทั่วไป คือชาวเมืองลับแล จะมีลักษณะรูปกายที่เหมือนมนุษย์ ชอบถือศีล มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ และสามารถซ่อนตัว กำบังตัวได้    และเมืองบาดาล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค  ทั้งสองภพภูมินี้ เชื่อว่า ถูกทับซ้อนในสถานที่อันหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ “ถ้ำ”  

 

มิติซ้อนมิติ?  ย้อนความเชื่อโบราณ.. จริงหรือ?  “ถ้ำ”  คือ ประตูแห่งมิติ สู่เมืองลับแล และ เมืองบาดาล?!

 

โดยในสมัยโบราณมีความเชื่อว่า  “ถ้ำ” เป็นประตูหรือปากทางเข้าสู่เมืองลับแล และเมืองพญานาค จึงมีเรื่องเล่าที่พูดต่อๆกันมาว่า มักจะได้ยินเสียงกลอง เสียงปี่พาทย์ ดนตรีต่างๆ  แม้แต่เสียงสวดมนต์ ออกมาจากผนังถ้ำ ซึ่งเชื่อว่าเสียงเหล่านี้เป็นเสียงที่มาจากเมืองลับแล   ในประวัติครูบาอาจารย์หลายท่านก็ปรากฎเรื่องราวของเมืองลับแลและเมืองบาดาลที่ทับซ้อนกันอยู่ผ่านประตูมิติ คือ “ถ้ำ”  เช่น   หลวงปู่คำคะนิง จุลมณีเคยเล่าไว้ว่า ถ้ำมืด อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นเมืองลับแล และยังเป็นทางเข้าไปเมืองบาดาล หรือในประวัติหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ท่านได้ผจญกับพญานาค ที่ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ยังมีถ้ำต่างๆที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเมืองลับแลและเมืองพญานาค เช่น

ถ้ำแกลบ จังหวัดเพชรบุรี มีตำนานเรื่องราวที่เกี่ยวกับเมืองลับแล

ถ้ำวัวแดง บ้านเจียง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะมีตำนานหลวงปู่เทพโลกอุดรเกิดขึ้นที่นั่น อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพญานาคอีกด้วย

ถ้ำแกลบ อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เป็นอีกหนึ่งถ้ำลี้ลับ ที่เชื่อว่าเป็นทางเข้าสู่เมืองลับแลและเมืองบาดาล

ถ้ำเพียงดิน อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเชื่อว่าเป็นทางเข้าสู่เมืองบาดาลเช่นกัน

ถ้ำน้ำเขาศิวะ  จ.สระแก้ว เป็นถ้ำที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค

และยังมีถ้ำอื่นๆอีกหลายแห่งในประเทศไทย ที่มีความเชื่อว่าเป็นประตูมิติไปสู่เมืองลับแลและเมืองบาดาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่? ก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ขณะเดียวกัน เรื่องเล่าของเมืองลับแลและเมืองบาดาล ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในภพภูมิต่างๆที่ทับซ้อนกันอยู่ในอีกมิติหนึ่ง เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่มีแค่โลกมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีโลกอื่นๆ ที่อยู่คู่ขนานกับโลกมนุษย์ อีกทั้งตามคติความเชื่อของศาสนาพุทธแล้ว มนุษย์ก็มีโอกาสไปเกิดในเมืองลับแล เมืองบาดาลได้เช่นกันตามวิถีกฎแห่งกรรม

 

มิติซ้อนมิติ?  ย้อนความเชื่อโบราณ.. จริงหรือ?  “ถ้ำ”  คือ ประตูแห่งมิติ สู่เมืองลับแล และ เมืองบาดาล?!

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : เฟซบุ๊ก Folk Kamponsak Sassadee

ขอบคุณภาพจาก : ก. นัยจัน