- 20 ก.ค. 2561
FB : Deeps News
“วันพระ” เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วันธรรมสวนะ หรือ วันอุโบสถ เป็นวันแห่งการถือศีล ฟังธรรม ประกอบคุณงามความดีในคติพุทธ โดยในเดือนหนึ่งจะมีวันพระอยู่ทั้งหมด ๔ วันได้แก่ วันขึ้น ๘ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำในเดือนขาด
วันพระจึงเป็นวันพิเศษในทางพระพุทธศาสนา ในสมัยก่อนหากถึงวันพระ พุทธศาสนิกชนก็มักจะเดินทางไปที่วัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา จวบจนในปัจจุบันพุทธศาสนิกชนก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันพระ หลายคนถือเอาวันพระเป็นวันของการถือศีล เป็นวันทำบุญใส่บาตร และอื่นๆอีกมาก
โดยอีกหนึ่งความสำคัญของวันพระ ซึ่งปรากฏใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ราชสูตรที่ ๑ คือเป็นวันที่ท้าวจตุมหาราชและเทวดาบริวาร ลงมาตรวจโลกมนุษย์ เพื่อดูว่ามนุษย์ผู้ใดได้ทำความดี แล้วก็จะจดชื่อ สกุล ในแผ่นทองคำ นำไปถวายแด่คณะเทวดาในชั้นดาวดึงส์ ดังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสถึงเรื่องดังกล่าวไว้ ใน “ราชสูตรที่ ๑” ดังนี้
[๔๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในดิถีที่ ๘ ของปักษ์ เทวดาผู้เป็น บริวารของท้าวจาตุมหาราชย่อมเที่ยวตรวจดูโลกนี้ว่า ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา เกื้อกูลแก่บิดา เกื้อกูลแก่สมณะ เกื้อกูลแก่พราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ปฏิบัติ ทำบุญ มีอยู่มากแลหรือ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในดิถีที่ ๑๔ ของปักษ์ พวกโอรสของท้าวจาตุมหาราชย่อมเที่ยวตรวจดูโลกนี้ว่า ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา ... ทำบุญ มีอยู่มากแลหรือ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำนั้น ท้าวจาตุมหาราชย่อมเที่ยวตรวจดูโลกนี้ด้วยตนเองทีเดียวว่า ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา เกื้อกูลแก่บิดาเกื้อกูลแก่สมณะ เกื้อกูลแก่พราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ปฏิบัติ ทำบุญ มีอยู่มากแลหรือ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา ... ปฏิบัติ ทำบุญมีอยู่น้อย ท้าวจาตุมหาราชย่อมบอกถึงเหตุที่กล่าวมานั้น แก่พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ซึ่งมาประชุมกันอยู่ ณ สุธรรมาสภาว่า ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา ปฏิบัติ ทำบุญ มีน้อย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ย่อมพากันเสียใจว่า ดูกรผู้เจริญทั้งหลาย กายทิพย์จักเสื่อมหาย อสุรกายจักเต็มบริบูรณ์ ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ถ้าในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา ... ปฏิบัติ ทำบุญ มีอยู่มาก ท้าวจาตุมหาราชย่อมบอกถึงเหตุที่กล่าวมานั้น แก่พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ซึ่งมาประชุมกัน ณ สุธรรมาสภาว่า ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา เกื้อกูลแก่บิดา เกื้อกูลแก่สมณะ เกื้อกูลแก่พราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ปฏิบัติ ทำบุญ มีอยู่มากแล เพราะเหตุนั้น พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ย่อมพากันดีใจว่า ดูกรผู้เจริญทั้งหลาย กายทิพย์จักเต็มบริบูรณ์ อสุรกายจักเสื่อมสูญ ฯ
ในอรรถกา อรรถกถาปฐมราชสูตรที่ ๗ ได้อธิบายเพิ่มเติม โดยขอสรุปใจความสำคัญดังนี้ คือ
ในวัน ๘ ค่ำ ท้าวสักกะเทวราช หรือ พระอินทร์ ทรงบัญชาให้ท้าวจตุมหาราชทั้งสี่ ท่องเที่ยวไปยังโลกมนุษย์ แล้วจดชื่อ สกุล ของมนุษย์ที่ทำบุญประกอบคุณงามความดี ท้าวมหาราชทั้งสี่ได้รับบัญชาแล้ว จึงทรงใช้บริวารของท่าน คือ เหล่าอำมาตย์ของพระองค์ไปแทน อำมาตย์เหล่านี้ก็จะ เขียนชื่อ สกุลของมนุษย์ ที่ได้ประกอบคุณงามความดีลงในแผ่นทองคำ จากนั้นจึงนำมาถวาย แก่ท้าวจตุมหาราช
ต่อมาคือ ในวัน ๑๔ ค่ำ บุตรของท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔ ก็จะลงมาตรวจโลกมนุษย์โดยถือแผ่นทองคำ จดชื่อและสกุลของผู้ประกอบคุณงามความดีเช่นเดิม
ในวัน ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นวันอุโบสถ (วันพระใหญ่) ท้าวจตุมหาราชทั้ง๔ ท่านจะลงมาตรวจโลกมนุษย์ด้วยตนเอง โดยจดชื่อคนที่ทำบุญลงในแผ่นทองคำ
เมื่อท้าวมหาราชท่านทราบว่า เวลานี้มีมนุษย์ทำบุญมากหรือน้อย ท่านก็จะจดชื่อในแผ่นทอง นำไปถวายแด่คณะเทวดาชั้นดาวดึงส์ซึ่งมาประชุมกัน ณ สุธรรมาสภา หากรายชื่อมนุษย์ที่ทำบุญมีน้อยกว่าทำบาป เหล่าเทวดาก็จะเสียใจ เนื่องจากเห็นว่า จะไม่มีเทวดาใหม่ๆ มาเกิดบนเทวโลก แต่ในอบายภูมิ จะมากไปด้วยผู้ที่ประพฤติตนไม่ดี ขณะเดียวกัน หากดูรายชื่อแล้ว มนุษย์ทำบุญมีมากกว่าทำบาป เหล่าเทวดาจะดีใจ เพราะต่อไปจะมีเทวดาใหม่ๆมาเกิด ส่วนพวกที่เกิดในอบายภูมิก็จะลดลง
ด้วยพระสูตรนี้… จึงเป็นสิ่งเตือนใจ เป็นกำลังใจให้ผู้ทำความดี เชื่อมั่นว่า… การทำความดีนั้น แม้มนุษย์ด้วยกันจะมองไม่เห็น แต่เทวดาเห็นแน่นอน ?!!
สำหรับท้าวจตุมหาราช หรือ ท้าวจตุโลกบาล คือ เทพผู้เป็นใหญ่ ๔ องค์ คุ้มครองรักษา ทั้ง ๔ ทิศ ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ ๑ ส่วนดาวดึงส์ เป็นสวรรค์ชั้นที่ ๒ (สวรรค์มีทั้งหมด ๖ ชั้น) โดยสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จะมีพระอินทร์ปกครองดูแลอยู่
นับได้ว่า สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา หรือสวรรค์ชั้นที่ ๑ เป็นสวรรค์ที่อยู่ใกล้ชิดกับโลกมนุษย์มากที่สุด จึงเป็นเหตุให้ท้าวจตุมหาราช หรือท้าวจตุโลกบาล ต้องปกครองดูแล คอยสอดส่องโลกมนุษย์ด้วยนั่นเอง
ท้าวจตุมหาราช ที่ปกครองรักษาทั้ง ๔ ทิศในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาได้แก่
๑. ท้าวธตรฐ เป็นเทวดาผู้ปกครองอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ โดยปกครอง คนธรรพ์ วิทยาธร ภุมภัณฑ์ ในทุกระดับชั้น
๒. ท้าววิรุฬหก เป็นเทวดาผู้ปกครองอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ โดยปกครองดูแลครุฑเทวดา ภุมมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา ในทุกระดับชั้น
๓. ท้าววิรูปักษ์ เป็นเทวดาผู้ปกครองอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ โดยปกครองดูแลพญานาคในทุกระดับชั้น
๔. ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทวดาผู้ปกครองอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ โดยทำหน้าที่ในการปกครองดูแล ยักษ์ในทุกระดับชั้น และยังปกครองเหล่าบรรดาภูตผีปีศาจอีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ราชสูตรที่ ๑ http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=3717&Z=3740
อรรถกถาปฐมราชสูตรที่ ๗ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=476
ขอบคุณภาพจาก: phrathong watpanonvivek และ Napapawn