"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

พันเอกสมจริง สิงหเสนี นายทหารนอกราชการ อดีตผู้สื่อข่าวและช่างภาพ กองทัพภาคที่ ๓ ได้เล่าเรื่องราวภาพถ่ายประวัติศาสตร์ ในสมรภูมิรบ ที่ประทับใจมากที่สุดคือ ยุทธการภูขวาง ที่บ้านหมากแข้ง ตําบลกกสะทอน อำเภอด่าน ซ้าย จังหวัดเลยว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ  ให้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งดำรงพระอิสริยยศในขณะนั้นเป็น "ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และราษฎรในพื้นที่ เนื่องจากถูกผู้ก่อการร้ายพรรคคอมมิวนิสต์โจมตี

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ไปยังฐานปฏิบัติการบ้านห้วยมุ่น  หลังจากประทับรับฟังการบรรยายสรุปแล้ว  พระองค์ทรงรับสั่งกับ พลโทสมศักดิ์ ปัญตมานนท์ แม่ทัพภาคที่ ๓ ขณะนั้นด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่า "จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้"  


ถึงแม้ว่าแม่ทัพภาคที่ ๓ จะกราบบังคมทูลทัดทานเนื่องจากสถานการณ์ขณะนั้นไม่น่าไว้วางใจ แต่พระองค์ทรงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า "ชักช้าไม่ได้ ต้องไปแก้ไขให้ได้ในวันนี้ และเดี๋ยวนี้"

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

จากนั้นเวลา ๑๕.๓๐ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร ทรงได้ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ทรงมีรับสั่งให้นักบินนำเครื่องมุ่งตรงไปยังฐานบ้านหมากแข้งทันที ขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังจะร่อนลง ยังไม่ทันที่สกี (ฐานเฮลิคอปเตอร์) จะแตะพื้น พระองค์ได้กระโดดลงมาทันที ความสูงประมาณ ๑๒ เมตร แล้ววิ่งหลบ "ฝ่ากระสุน" ที่ปลิวว่อนไปมาอย่างกล้าหาญ ขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้ "อาวุธปืนเล็ก' ระดมยิงเข้ามายังฐานบ้านหมากแข้งอย่างหนัก

พระองค์ได้ทรงออกคำสั่งให้ทหารตามเสด็จฯมาด้วยทุกคน แยกย้ายกันนำทหารยิงโต้ตอบผู้ก่อการร้ายและมีคำสั่งให้ปืนใหญ่จาก "ฐานบ้านห้วยมุ่น" ยิงถล่มผู้ก่อการร้ายทันที พร้อมกันนั้นพระองค์ได้เสด็จฯไปยัง "หลุมบุคคล" รอบฐานปฏิบัติการ ทรงให้คำแนะนำแก่ทหารถึงวิธีวางกำลัง การจัดฐานและวางระบบป้องกันตนเอง รวมทั้งทรงแนะนำเรื่องการกำหนดมุมยิงของปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดด้วย


จนกระทั่งเวลา ๑๖.๐๐ น. ผู้ก่อการร้ายยังระดมยิงก่อกวนอยู่ตลอดเวลา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร จึงทรงบัญชาการให้ทหารยิงโต้ตอบ พร้อมสั่งการให้ชุดปฏิบัติการออก "ลาดตระเวน" พิสูจน์ทราบ โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดด้วยพระองค์เอง ทั้งๆ ที่แม่ทัพภาคที่ ๓ ได้กราบบังคมทูลทัดทาน ด้วยเกรงว่าพระองค์จะทรงเป็นอันตราย แต่พระองค์ทรงมีรับสั่งว่า..."ฉันต้องไปเพราะว่าเป็นหน้าที่ของทหาร"

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

ขณะที่ทรงนำชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ พระองค์ได้แสดงความกล้าหาญ มี "น้ำพระทัยเด็ดเดี่ยว" อย่างน่าสรรเสริญยิ่ง ทรงนำหน้าทหารบุกตะลุยไปตามเส้นทางสูงๆ ต่ำๆ มีหญ้าสูงรกทึบ ยากลำบากต่อการเคลื่อนที่ เสี่ยงอันตรายจากถูกซุ่มยิง และถูกกับระเบิด แต่พระองค์ไม่ได้ทรงหวาดหวั่น ระหว่างนั้นผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงมายังชุดปฏิบัติการของพระองค์ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว แต่พระองค์ไม่ได้ทรงกลัวแต่ประการใด ทรงมีพระสติมั่นคง สั่งทหารดำเนินกลยุทธ์ยิงโต้ตอบ จนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้องล่าถอยไป

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

ท่ามกลางสถานการณ์ "ตรึงเครียด" เพราะผู้ก่อการร้ายยังคงยิงเข้ามาไม่ขาดระยะ พระองค์ได้ทรงมีรับสั่งให้จัดชุดปฏิบัติการ นำพระองค์ไปยัง "หมู่บ้านหมากแข้ง" โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการมาก และเส้นทางมีอันตรายรอบด้าน การเสด็จฯไปยังหมู่บ้านหมากแข้งแห่งนี้ทรงมีพระราชประสงค์เพื่อฟื้นฟูขวัญกำลังใจแก่ราษฎร ท่ามกลางความปลื้มปีติยินดีของชาวบ้าน พระองค์ได้ทรงไต่ถามทุกข์สุข และขอให้ราษฎรทุกคนอย่าได้ย่อท้อวิตกกังวล ขอให้เชื่อมั่นว่า "ทหารจะคุ้มครองความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่"

หลังจากนั้นได้เสด็จฯไปยังบริเวณที่เฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตก ทรงตรวจสภาพเฮลิคอปเตอร์อยู่เป็นเวลานาน และต่อมาได้เสด็จฯไป "โรงเรียนบ้านหมากแข้ง" ที่เคยถูกผู้ก่อการร้ายปิดล้อมและยึดไว้ และฝ่ายรัฐยึดกลับคืนมาได้ โดยพระองค์ได้ให้กำลังใจครูและนักเรียนให้หายจากความหวาดกลัว


ตลอดวันนั้นพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างมิทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยได้พระราชทานคำแนะนำยุทธวิธีด้านต่างๆ ทั้งการลาดตระเวน พิสูจน์ทราบ วางกับระเบิด พลุสะดุด สัญญาณเตือนภัยต่างๆ ทรงอธิบายยุทธวิธีปฏิบัติการในพื้นที่ป่าเขา รวมทั้งพระองค์ได้ทรงกระทำเป็นตัวอย่าง

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

คืนนั้นพระองค์ได้ "ประทับแรม" ที่ฐานปฏิบัติการ โดยเข้าที่บรรทมเวลา ๒๔.๐๐ น. บรรทมในหลุมบุคคล ซึ่งมีความลึกประมาณ ๒ ฟุต หลังคามุงด้วยหญ้าคา ในหลุมมีแค่ "ผ้าปันโจ"(ผ้าปูพื้นสำหรับการเดินป่า) สำหรับปูรองพื้น ใช้เป้ทหารหนุนพระเศียร และบรรทมในชุดเครื่องแบบสนามที่ทรงนำไปชุดเดียว โดยไม่มีเสื้อแจ๊กเกตฟิลด์ (เสื้อกันหนาวสีเขียวของทหาร) กันหนาว หรือผ้าห่มแม้แต่ผืนเดียว ทั้งที่คืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาวเย็น


รุ่งเช้าวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ พระองค์ทรงตื่นบรรทมในเวลา ๐๕.๐๐ น. และมิได้ทรงสรงพระพักตร์ พระองค์ได้เสด็จฯนำแม่ทัพภาคที่ ๓ และคณะไปตรวจการวางกำลัง และทรงควบคุมการกู้กับระเบิดรอบฐาน และทรงมีรับสั่งให้จัดกำลังออกพิสูจน์ทราบเส้นทาง และพื้นที่เนินเขาบริเวณหมู่บ้านอีกครั้ง

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

จากนั้นได้เรียกนายทหารประจำฐานปฏิบัติการทุกคนมารับฟังคำสั่ง คำชี้แจงวิธีรักษาการป้องกันฐานปฏิบัติการ และการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับราษฎร จนได้เวลาอันสมควรจึงประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมหน่วยทหาร ตำรวจ และประชาชน ในพื้นที่การปฏิบัติการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น อย่างหาที่เปรียบมิได้ "วีรกรรม" ของพระองค์ที่บ้านหมากแข้งในครั้งนี้จึงเกิดเป็น "อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง"ที่สร้างขึ้นเพื่อจารึกความกล้าหาญของ "ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ" ในสมรภูมิพระราชา

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร" เผยเรื่องราวกลางสมรภูมิรบของ "ในหลวง ร.๑๐" ณ บ้านหมากแข้ง ทรงกล้าหาญจนได้ชื่อ "กษัตริย์ยอดนักรบ"

 

ขอบคุณข้อมูล : tvbento , welovemyking