ครั้งเมื่อ ราชองครักษ์คนสนิท เขียนฎีกาถวาย เพราะ ขัดเคืองใจ ในหลวง ร.9

ข้าราชบริพารในพระองค์แทบทุกคนจะพูดเหมือนกันว่า พระองค์ท่านจะอ่านฎีกาทั้งหมดตัวพระองค์ท่านเอง ซึ่งพระองค์ต้องอ่านทุกฉบับด้วยพระองค์เองนั้นทำให้ข้าราชการทุกคนได้เห็นสิ่งที่พระองค์ใส่พระทัยในราษฎรของพระองค์ และพระองค์จะทรงหาทางแก้ปัญหาต่างๆจากฎีกาทุกฉบับที่ส่งมา

หากพูดถึงเรื่องฎีกา ต้องบอกเลยว่าหลายคนอาจจะคิดว่า เดือนๆหนึ่ง มีเป็นพันฉบับ ในหลวง ท่านทรงอ่านไม่ครบถ้วนเป็นแน่ แต่หารู้ไม่แท้จริงแล้ว จากปากของ ข้าราชบริพารในพระองค์แทบทุกคนจะพูดเหมือนกันว่า พระองค์ท่านจะอ่านฎีกาทั้งหมดตัวพระองค์ท่านเอง ซึ่งพระองค์ต้องอ่านทุกฉบับด้วยพระองค์เองนั้นทำให้ข้าราชการทุกคนได้เห็นสิ่งที่พระองค์ใส่พระทัยในราษฎรของพระองค์ และพระองค์จะทรงหาทางแก้ปัญหาต่างๆจากฎีกาทุกฉบับที่ส่งมา ด้วยเหตุนี้เองทำให้พระองค์ท่านรู้ว่า ประเทศชาติ และ ประชาชนของพระองค์ท่านกำลังประสบปัญหาสิ่งใดอยู่ ซึ่งทำให้เกิดโครงการต่างๆตามมามากมายหลายพันโครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทย

 

ครั้งเมื่อ ราชองครักษ์คนสนิท เขียนฎีกาถวาย เพราะ ขัดเคืองใจ ในหลวง ร.9

 

แต่มีอยู่หนึ่งครั้ง เมื่อราชองครักษ์เป็นผู้เขียนฎีกาถวายด้วยตัวเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๑๘ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เล่าว่าขณะที่ในหลวง ทรงมีพระอาการประชวรหนักมาก ในขณะประทับอยู่ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยขณะนั้น พระปรอท สู่งถึง ๔๐ องศา โดยหมอสันนิษฐานว่า เกิดจากการที่พระองค์ท่านทรงไปเยี่ยมชาวเขา และเข้าไปในบ้านที่มีหมัดชุกชุม จนอาจจะนำพาเชื้อโรคมา ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ พระองค์ท่านทรงประชวรหนักมาก ถึงกับต้องระดมแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช และ โรงพยาบาลจุฬา จากกรุงเทพฯเข้าถวายงานอย่างใกล้ชิดในทันที ทุกคนวิตกกังวลมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น แต่ในที่สุดพระอาการของพระองค์ท่านก็ทุเลาลง เหล่าอาจารย์หมอมากฝีมือ ต่างกำชับกับพระองค์ท่าน และ ราชองครักษ์ทุกคน ว่า ขอพระราชทานให้งดการเสด็จพระราชกรณียกิจอย่างน้อย ๑ เดือน พระองค์ท่านทรงตรัสรับ พวกเราก็โล่งใจที่รู้ว่าพระองค์ท่านจะไม่เสด็จไปไหน

 

ครั้งเมื่อ ราชองครักษ์คนสนิท เขียนฎีกาถวาย เพราะ ขัดเคืองใจ ในหลวง ร.9

 

หลังจากนั้น ไม่กี่วันในขณะที่ พล.ต.อ.วสิษฐ พักอยู่ภายในบ้านพักของราชองครักษ์ ก็ได้ยินเสียงสถานีแม่ข่ายวิทยุสื่อสารค่ายดารารัศมี วิทยุเรียกเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตระเวนชายแดน แต่ไม่มีสัญญาณใดตอบรับใดๆ ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงที่แหบเครือตอบกลับว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวลงจอดอยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน

พล.ต.อ.วสิษฐ เล่าต่อว่า ผมจำได้ทันทีว่าเป็น พระสุรเสียงของพระองค์ท่านแน่ๆ ด้วยความไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรเลย นึกอย่างเดียวว่าขัดเคืองที่พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ ที่ขอพระราชทานให้งดการเสด็จพระราชกรณียกิจ ผมเลยทำฎีกาถวายด้วยตัวผมเอง ผมระบายอารมณ์ไปในฎีกา โดยใจความประมาณว่า คนไทยทั้งประเทศเลยที่เป็นห่วงท่าน ผมเองถึงขนาดตั้งใจไว้ว่าถ้าท่านหายประชวร จะขอบวชถวายเป็นพระราชกุศล หมอขอพระราชทานให้งดการเสด็จพระราชกรณียกิจ คนไทยทั้งประเทศเป็นห่วงท่านมากไม่อยากให้ท่านประชวรอีก

 

ครั้งเมื่อ ราชองครักษ์คนสนิท เขียนฎีกาถวาย เพราะ ขัดเคืองใจ ในหลวง ร.9

 

ที่สำคัญ ฎีกาฉบับนั้นถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพียงแค่วันเดียว น่าตกใจที่วันรุ่งขึ้น พระองค์ท่านโปรดให้ สมเด็จพระเทพฯ พิมพ์ดีด และเชิญพระราชหัตถเลขาตอบกลับลงมาที่เจ้าของฎีกา โดยใจความแบ่งเป็นข้อๆ ประมาณว่า ท่านไม่ได้ดื้อหมอ ที่นั่งฟังวิทยุเป็นเรื่องพักผ่อนพระอิริยาบถของท่าน ท่านเข้าใจว่าที่วิทยุแม่ข่ายเขาเป็นห่วงเฮริคอปเตอร์ที่ขาดการติดต่อ แต่มีเพียงพระองค์ท่านเท่านั้นที่ได้ยินการสนทนาทั้งสองฝ่าย ท่านก็ตอบแล้วก็จบ ดังนั้นจึงเห็นว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำงานหนักหนาอะไร ส่วนข้อที่กราบบังคมทูลว่า ผมจะบวชถวาย พระองค์ท่านรับสั่งถามลงมาว่าจะบวชให้ใคร เราไม่ตายบวชไม่ได้ แต่ถ้าบวชหน้าไฟ อนุญาตให้บวช

พล.ต.อ.วสิษฐ ยังบอกต่ออีกว่า แม้ผ่านมาเป็น ๑๐ ปี แล้ว ผมยังเก็บพระราชหัตถเลาฉบับนั้นไว้อย่างดี และจะเก็บไว้ตลอดไป

 

ครั้งเมื่อ ราชองครักษ์คนสนิท เขียนฎีกาถวาย เพราะ ขัดเคืองใจ ในหลวง ร.9