ฟุตบอล "ไทยแลนด์ ยูธลีก"  สังเวียนบ่มเพาะเยาวชนไทย

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ฟุตบอล "ไทยแลนด์ ยูธลีก"  สังเวียนบ่มเพาะเยาวชนไทย

 

ฟุตบอล "ไทยแลนด์ ยูธลีก"  สังเวียนบ่มเพาะเยาวชนไทย

 

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ "โครงการสานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลก" ด้วยการริเริ่มจัดแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ "ไทยแลนด์ ยูธลีก" ครั้งแรก ประจำฤดูกาล 2016-2017 เมื่อปลายปี 2559  ซึ่งถือเป็นการบ่มเพาะต้นกล้าของวงการฟุตบอลไทยด้วยการเปิดโอกาสให้นักเตะเยาวชนไทยได้มีรายการเข้าร่วมโม่แข้ง

 

ไทยแลนด์ ยูธลีก" มีแข่งขันทั้งหมด 4 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี, รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี, รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี แบ่งออกเป็น 8 โซนตามแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะคัดเลือกทีมชนะเลิศ และรองชนะเลิศแต่ละโซน รวม 16 ทีมทะลุผ่านเข้าสู่รอบแชมเปี้ยนส์ชิพ เพื่อเฟ้นหาแชมป์ประเทศไทยในแต่ละรุ่น

 

ฟุตบอล "ไทยแลนด์ ยูธลีก"  สังเวียนบ่มเพาะเยาวชนไทย

 

การแข่งขันครั้งแรกประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี โดยทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กวาด 2 แชมป์รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ขณะที่แชมป์รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด และแชมป์รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ชลบุรี เอฟซี นอกจากนี้ยังมีนักเตะไทยแลนด์ยูธลีก 17 คนก้าวไปติดทีมชาติ และมี 248 คนได้เซ็นสัญญากับสโมสรอาชีพฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ "ไทยแลนด์ ยูธลีก" ครั้งที่ 2 ประจำฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งกำลังฟาดแข้งกันอย่างเข้มข้นอยู่ในขณะนี้ทาง กกท. มีการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อระดมความคิดช่วยกันยกระดับพัฒนาให้ลีกเยาวชนแห่งชาติให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

 

กกท. ได้ปรับปรุงแก้ไขระเบียบการแข่งขันให้เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยได้เพิ่มเงินรางวัลรอบชิงชนะเลิศ รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี จากเดิม 1 ล้านบาท เป็น 1.2 ล้านบาท / รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จากเดิม 1.7 ล้านบาท เป็น 1.8 ล้านบาท / รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี จากเดิม 1.7 ล้านบาท เป็น 1.8 ล้านบาท / รุ่นไม่เกิน 19 ปี จากเดิม 2.6 ล้านบาท เป็น 2.8 ล้านบาท รวมแล้วมีการชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 7.6 ล้านบาท

 

ฟุตบอล "ไทยแลนด์ ยูธลีก"  สังเวียนบ่มเพาะเยาวชนไทย

จากครั้งแรกมีทีมเข้าร่วมกว่า 300 ทีม แต่การแข่งขันครั้งที่สองนี้มีทีมเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 400 ทีม ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าศึกฟาดแข้งลีกเยาวชนแห่งชาตินี้ได้รับความสนใจ และกระแสตอบรับที่ดีจากทีมต่างๆ ทั่วประเทศส่งตัวแทนเข้ามาช่วงชิงความเป็นหนึ่งของประเทศในแต่ละรุ่นอายุ

 

ฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 2 แบ่งออกเป็น 8 โซนเช่มเดิม ประกอบด้วย ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคอีสานตอนบน, ภาคอีสานตอนล่าง, ภาคใต้, ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก และกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยได้ปรับเปลี่ยนโซนใหม่ให้มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์ และการเดินทางไปแข่งขันของทีมต่างๆ

 

ขณะเดียวกันยังมีการนำระบบลงทะเบียนฐานข้อมูลนักฟุตบอลของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ซึ่งเชื่อมกับฐานข้อมูลสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) มาใช้ ซึ่งไทยจะเป็นชาติแรกที่ใช้ระบบนี้ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลนักเตะตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงการเล่นในระดับอาชีพ และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ ฤดูกาล 2017-2018 เริ่มต้นฟาดแข้งรอบเพลย์ออฟ วันที่ 3-4 มิถุนายน และวันที่ 10-11 มิถุนายน และแข่งขันต่อเนื่องในรอบลีกโซน 8 โซน ระบบพบกันหมดเหย้า-เยือน เพื่อหาแชมป์ และรองแชมป์เข้ารอบ 16 ทีม ก่อนคัดเลือก 8 ทีมเข้าสู่รอบไฟนอล เฟสติวัล "โรด ทู ราชมังคลากีฬาสถาน" ระหว่างวันที่ 6-14 มกราคม 2561

 

"บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ กกท. บอกว่า ลีกเยาวชนแห่งชาติถือเป็นการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยทั้งระบบแบบบูรณาการ โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อสร้างผลผลิตนักฟุตบอลเยาวชนคุณภาพ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถป้อนให้กับสโมสรอาชีพ และก้าวสู่ทีมชาติต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเป็นการสานต่อความสำเร็จไปจนถึงเป้าหมายตามโครงการ "สานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลก"

 

"เป้าหมายสำคัญที่แท้จริงของลีกเยาวชนแห่งชาติคือ เปิดโอกาสให้นักฟุตบอลเยาวชนได้พัฒนาศักยภาพ และฝีเท้าในการแข่งขันอย่างต่อเนื่องหลายๆ ปี เพื่อพัฒนาก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และนักฟุตบอลทีมชาติ ซึ่งได้จัดเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยได้มีการวางโปรแกรมให้มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้นักเตะมีโปรแกรมถี่จนเกินไป ซึ่งจะเป็นการทำให้นักเตะเยาวชนไทยได้พัฒนาฝีเท้าอย่างเต็มศักยภาพ" ผู้ว่าการ กกท.กล่าว

 

บิ๊กเสือ" บอกต่อไปว่า นอกจากการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนไทยแล้ว กกท.ยังจะใช้ลีกเยาวชนแห่งชาติสร้างผู้ตัดสินหน้าใหม่ หรือ "ยัง เรฟเฟอรี" ขึ้นมาเพื่อให้มีการพัฒนาเรื่องผู้ตัดสินควบคู่กันด้วย

 

ฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติถือเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนวงการฟุตบอลไทย ในอนาคตจะได้นักเตะที่มีคุณภาพก้าวขึ้นมาสู่วงการฟุตบอลไทยอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีการทิ้งช่วงขาดตอน

 

การบ่มเพาะต้นกล้าเล็กๆ ของฟุตบอลไทยครั้งนี้กำลังรอผลิตผลสำเร็จต่อไปในอนาคต...