ไทยเจ้าภาพจัด  "โมโตจีพี"  ความสำเร็จเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

ติดตามรายละเอียด http:www.tnews.co.th

ไทยเจ้าภาพจัด  "โมโตจีพี"  ความสำเร็จเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

 

ไทยเจ้าภาพจัด  "โมโตจีพี"  ความสำเร็จเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

 

ไทยเจ้าภาพจัด  "โมโตจีพี"  ความสำเร็จเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

 

การกีฬาแห่งประเทศ (กกท.) เป็นหัวหอกในการผลักดันให้ประเทศไทยได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ "โมโตจีพี" ยาว 3 ปี ระหว่าง พ.ศ.2561-2563 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

โมโตจีพีเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่โด่งดังไปทั่วโลก สำหรับโมโตจีพี ฤดูกาล 2017 แข่งขันทั้งสิ้น 18 สนาม กระจายในยุโรปถึง 12 สนาม เอเชีย 3 สนาม คือ กาตาร์, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย นอกจากนั้นก็ไปที่ออสเตรเลีย, อาร์เจนตินา, สหรัฐอเมริกา อย่างละ 1 สนาม ทำรายได้มหาศาลให้ประเทศเจ้าภาพ และทำให้ประเทศนั้นๆ เป็นที่รู้จักของชาวโลกมากขึ้น

 

ไทยเจ้าภาพจัด  "โมโตจีพี"  ความสำเร็จเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

 

จุดเริ่มต้นของไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโมโตจีพีเกิดมาจากก่อนหน้านี้นั้น  ไทยพยายามเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ "เอฟวัน" แล้ว และมีทีท่าว่าจะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามปัญหา ไทยพยายามเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ของไทยในช่วงปี 2558 ซึ่งอยู่ในช่วงลุ้นว่าจะได้สิทธิ์หรือไม่ มาเจอปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องสนามแข่งขัน ว่าจะใช้สนามไหนหรือจะสร้างใหม่ ทั้งๆ ที่มีการวางผังสนามไว้ที่ ถ.ราชดำเนินแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ผ่านประชาพิจารณ์จากประชาชนและขัดกฎหมาย จนทำให้แผนต่างๆ พับไปโดยปริยาย เมื่อไม่สามารถจัดเอฟวันได้ "โมโตจีพี" จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ที่มี "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ เป็นผู้ว่าการ จึงได้ตั้งคณะทำงานสำรวจความเป็นไปได้และผลดี ผลเสีย เพื่อพิจารณาว่าการเสนอตัวครั้งนี้เหมาะหรือไม่ เมื่อพิจารณาออกมาแล้วเห็นว่า โมโตจีพีใช้งบประมาณลงทุนน้อยกว่า และกระแสดีกว่า

 

บิ๊กเสือ บอกว่า เรื่องของเอฟวันคงไม่เน้นมาก แต่มองไปที่โมโตจีพีมากกว่า เพราะกระแสมาแรง แรงกว่าเอฟวันเสียด้วยซ้ำ เห็นได้จากการที่มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอฟวันหลายปีได้ยกเลิกจัดการแข่งขันไปแล้ว ทำให้เห็นได้ชัดว่ากระแสถดถอยลงไป ยิ่งในอาเซียนคนให้ความสนใจดูเอฟวันน้อยอยู่แล้ว ทำให้มองไปที่โมโตจีพีเป็นหลัก

เมื่อเริ่มได้ข้อมูลเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ คือ การหาสนามแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยมีสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ที่สร้างขึ้นในระดับมาตรฐานโลก สามารถจัดแข่งขันเอฟวันได้รองรับอยู่แล้ว ทำให้แผนการเสนอตัวจึงเดินหน้าได้เร็วขึ้น

 

คณะกรรมการกีฬาอาชีพได้มีการผลักดันให้ไทยขอจัดการแข่งขันโมโตจีพีอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณอยู่ 400 ล้านบาท ซึ่งได้ทำเรื่องเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งจะใช้เงินของรัฐบาล 100 ล้านบาท เป็นงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และส่วนที่เหลือ 300 ล้านบาทจะใช้งบจากภาคเอกชน

 

เริ่มแรก กกท.ให้บริษัทเอกชนเข้ามาเสนอตัวเพื่อเป็นตัวแทนไทยในการไปหารือกับบริษัท ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์โมโตจีพี ปรากฏว่าเป็นบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ที่ได้สิทธิ์ไปทำหน้าที่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ว่า กกท.ได้ขอยกเลิกสิทธิ์ โดยให้เหตุผลว่าควรเป็นหน้าที่ของ กกท. ในฐานะตัวแทนจากรัฐบาลไทย ซึ่งจะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น

 

การเสนอตัวครั้งนี้ไม่ใช่ว่าไทยจะเป็นเพียงชาติเดียวที่สนใจ อินโดนีเซีย, คาซัคสถาน และฟินแลนด์ ก็ได้เสนอตัวไปเช่นกัน ทำให้ต้องลุ้นกันว่า 4 ชาตินี้ ชาติไหนจะได้สิทธิ์ 3 ปีไปครอง

 

บิ๊กเสือ" และทีมงาน เดินทางไปสนามแข่งขันโมโตจีพี มูเกลโล เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ได้หารือกับ คาเมลโล เอสเปเรตา ซีอีโอของดอร์นา สปอร์ต ก่อนจะได้รับคำตอบที่เป็นข่าวดีว่า ไทยได้เป็นเจ้าภาพโมโตจีพี 3 ปี เป็นหนึ่งใน 19 สนามที่จะเริ่มแข่งครั้งแรกในปีหน้า การจัดในปีแรก กำหนดให้มีขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม 2561 ซึ่งจะตรงกับวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ก่อนการแข่งขันประเทศญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และมาเลเซีย

 

มาร์ค มาร์เกซ นักซิ่งชาวสเปน บอกว่า ประเทศไทยถือเป็นแทร็กใหม่ ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบซิ่งในแทร็กใหม่อยู่แล้ว จะรู้สึกดีเสมอที่ได้ลงบิดในแทร็กใหม่ ส่วนมาเวริค บีญาเลส แสดงความคิดเห็นว่า ในไทยมีแฟนมอเตอร์สปอร์ตจำนวนมาก และที่สำคัญพวกเขาคลั่งโมโตจีพีเอามากๆ การที่จะได้ไปแข่งขันที่ไทยคงเป็นอะไรที่สุดยอดทีเดียว

 

หลังจากนี้คงต้องรอให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทำงานเตรียมการแข่งขันระดับโลกครั้งนี้ ก่อนที่คอความเร็วจะได้ไปดูโมโตจีพีแบบติดขอบสนามโดยไม่ต้องเสียเงินเดินทางไปดูที่ต่างประเทศหรือติดตามที่หน้าจอทีวีกันอีกต่อไป

อีกไม่นานเกินรอ...