จับทิศทางพัฒนา‘เจ็ตสกีไทย’  ยกเครื่องสู่‘กีฬาอาชีพ’ที่ยั่งยืน

ติดตามเพิ่มเติม www.tnews.co.th

จับทิศทางพัฒนา‘เจ็ตสกีไทย’  ยกเครื่องสู่‘กีฬาอาชีพ’ที่ยั่งยืน

     กีฬาเจ็ตสกีสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการก้าวไปคว้าแชมป์โลกมาครองได้หลายสมัย รวมทั้งล่าสุดในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย นักบิดไทยก็สามารถคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์มาครองได้สำเร็จในการบรรจุเข้าชิงชัยเป็นครั้งแรกเท่านั้น ย้อนกลับไปวงการเจ็ตสกีไทยยังถือว่าไม่ได้เป็นกีฬาอาชีพอย่างเต็มตัว แต่หลังจากที่เจ็ตสกีได้รับการพิจารณาให้เป็น 1 ใน 3 ชนิดกีฬาอาชีพ ตามมติของคณะกรรมการกีฬาอาชีพ ซึ่งจะมีพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 เข้ามาช่วยสนับสนุนส่งเสริมดูแลก็มีส่วนช่วยทำให้เจ็ตสกีไทยเริ่มพัฒนาไปสู่กีฬาอาชีพมากขึ้น

     นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร อุปนายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ระบุว่า เจ็ตสกีในไทยยังอาจเรียกได้ว่าเป็นกึ่งกีฬาอาชีพอยู่ เพราะถ้าเป็นอาชีพเต็มตัวนักกีฬาจะต้องหาเลี้ยงตัวเองด้วยการแข่งขันจริงๆ แต่นักเจ็ตสกีไทยยังมีอาชีพอื่นที่เป็นรายได้หลัก อย่างไรก็ตาม โดยฝีไม้ลายมือแล้วนักเจ็ตสกีไทยถือว่า เข้าขั้นมืออาชีพอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาเราส่งนักกีฬาไปแข่งขันรายการอาชีพในต่างประเทศ และประสบความสำเร็จมาโดยตลอด

 

จับทิศทางพัฒนา‘เจ็ตสกีไทย’  ยกเครื่องสู่‘กีฬาอาชีพ’ที่ยั่งยืน

ขณะที่การแข่งขันเจ็ตสกีในเมืองไทยนั้นจะมีลีกระดับอาชีพคือ รายการเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย 4 สนาม จัดมากว่า 20 ปี ซึ่งถือเป็นการคัดเลือกตัวนักกีฬาไปแข่งขันรายการเวิลด์ไฟนัลในแต่ละปีด้วย แต่ที่ผ่านมาสมาคมกีฬาเจ็ตสกีไทยฯ จะยังไม่มีสนามฝึกซ้อมเป็นของตัวเอง ซึ่งนักบิดไทยจะไปซ้อมตามสนามต่างๆ ก่อนก้าวไปประสบความสำเร็จในระดับโลก ดังนั้น จึงถือว่าเป็นชนิดกีฬาที่มีความหวังไปสู่อาชีพได้ในอนาคต

“สมาคมกีฬาเจ็ตสกีฯ พยายามพัฒนานักกีฬาไปสู่ความเป็นอาชีพ แม้เราก็จะไม่มีสนามซ้อมเป็นของตัวเอง แต่เราก็ไปยืมภาคีในการใช้ฝึกซ้อม ขณะที่รายการชิงแชมป์ประเทศไทย 4 สนามนั้น เงินรางวัลแม้อาจจะยังเทียบรายการอาชีพในต่างประเทศไม่ได้ แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีเรายังสามารถทำผลงานในระดับโลกได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้น เชื่อว่าหากได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในสนามฝึกซ้อม และส่วนอื่นๆ จะทำให้เจ็ตสกีไทยก้าวสู่อาชีพอย่างเต็มตัวแน่นอน”

นายปิยะศิริ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเจ็ตสกีอาชีพในเมืองไทยนอกจากจะมีการแข่งขันรายการชิงแชมป์ประเทศไทย 4 สนามแล้ว ยังมีรายการเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก “คิงส์คัพ” โดยจะมีนักกีฬาดังจากทั่วโลกมาร่วมชิงชัยกันอย่างคับคั่ง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เห็นแนวทางพัฒนาไปสู่กีฬาอาชีพ โดยส่วนตัวคิดว่า เราจะทำเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่เราก็จะต้องจับมือกับองกรค์ภาคีในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และในเอเชีย เข้ามาช่วยกันพัฒนาไปสู่กีฬาอาชีพอย่างยั่งยืน

“เราก็ได้เตรียมแผนที่จะจับมือกับภาคีในต่างประเทศ เพื่อที่จะจัดการแข่งขันเจ็ตสกีเป็นลีกอาชีพ และก็จะมีเงินรางวัลมากพอสมควรให้กับนักเจ็ตสกีไทยได้เป็นนักกีฬาอาชีพเลี้ยงตัวเองได้เต็มตัว เพราะลำพังลีกในประเทศไทยนั้น ถือว่าเงินรางวัลยังไม่มากพอที่จะเป็นกีฬาอาชีพแบบเลี้ยงนักกีฬาไทยได้ อีกทั้งนักเจ็ตสกีไทยก็ไม่ได้มีสปอนเซอร์คอยสนับสนุนมากเท่ากับนักเจ็ตสกีในเมืองนอกด้วย” จับทิศทางพัฒนา‘เจ็ตสกีไทย’  ยกเครื่องสู่‘กีฬาอาชีพ’ที่ยั่งยืน

สำหรับแผนแนวทางอื่นในการพัฒนาเจ็ตสกีไปสู่กีฬาอาชีพนั้น นายปิยะศิริ ให้ความเห็นว่า จำเป็นที่จะต้องพยายามหาสปอนเซอร์ให้กับตัวนักกีฬาไทยตั้งแต่ยังเป็นสมัครเล่นเพื่อก้าวไปสู่อาชีพ ขณะที่ฐานความนิยมเจ็ตสกีในไทยนั้น จากข้อมูลพบว่า มีผู้ติดตามชมการแข่งขันเป็นจำนวนมากพอสมควร หากจะพัฒนาเจ็ตสกีไปสู่กีฬาอาชีพอย่างเต็มตัว จึงคิดว่า ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป เพราะก็เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่มีความน่าสนใจ และฝากผลงานเอาไว้ในระดับโลกมากมาย

ในอนาคตหากทุกฝ่ายร่วมมือกันตกผลึกแผนทั้งหมด พร้อมช่วยกันยกเครื่องพัฒนาเต็มรูปแบบเชื่อว่า จะช่วยให้วงการเจ็ตสกีไทยก้าวไปสู่กีฬาอาชีพอย่างเต็มตัว และยั่งยืนแน่นอน...