เฮ!!! ราคายางสตูล-นครศรีฯ ขยับขึ้น ชาวสวนยางยิ้มออก

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

 

ได้เฮ!!! ชาวสวนยางสตูล-นครศรีฯ พอใจน้ำยางเริ่มปรับขึ้น ขณะที่สุราษฎร์ฯ ยื่นเพิ่ม 4 ข้อช่วยรายย่อย ระบุหลังรับซื้อ 7 วัน เกษตรกรต้องได้เงิน

 

 

วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลยืนยันจะแก้ปัญหาราคายาง ล่าสุดชาวสวนยางที่ จ.สตูล และ จ.นครศรีธรรมราช รู้สึกพอใจมากขึ้น โดยที่จุดรับซื้อน้ำยางใน จ.สตูล ชาวสวนนำยางมาขายกันมากขึ้น โดยบอกว่าหลังจากรัฐบาลรับปากช่วยเหลือ ราคาน้ำยางสดก็เริ่มดีขึ้น จากราคาที่ลดต่ำสุดอยู่ที่ 23 บาท ปรับขึ้นเป็น 32 บาท (ราคา ณ วันที่ 13 ม.ค.) เพิ่มมา 9 บาท ชาวสวนยางเริ่มมีกำลังใจขึ้น เมื่อก่อนมีรายได้วันละ 700 บาท เมื่อราคาตกเหลือไม่ถึง 300 บาท

 

โดยชาวสวนเริ่มหันกลับมากรีดยางอีกครั้ง เพราะยังสามารถกรีดได้อีกประมาณ 1 เดือนเศษ ขณะที่ยางเริ่มผลัดใบแล้ว โดยช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ต้องหยุดกรีด ซึ่งตอนนี้จุดรับซื้อน้ำยางเริ่มคึกคัก ชาวสวนพากันมาขายน้ำยางตั้งแต่เช้า

 

ด้าน นายกิติศักดิ์ วิโรจน์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี นายสมปราชญ์ วุฒิจันทร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี นายเด่นเดช เดชมณี เลขาธิการสมาคมชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมาคมชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ เดินทางเข้ายื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ กับ นายพิชิต ตู้บรรเทิง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมอ่านแถลงการณ์

 

ขอเสนอแนวทางเพิ่ม 4 ข้อ ได้แก่

1. รัฐบาลควรเปลี่ยนแนวทางการมุ่งเน้นการรับซื้อเฉพาะยางแผ่นมาเป็นเศษยาง (ขี้ยาง) และน้ำยางพาราแทน เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือชาวสวนยางรายย่อย

2. รัฐบาลควรกำหนดราคารับซื้อยางแผ่นดิบกิโลกรัมละ 60 บาท เพราะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลกับราคาต้นทุนเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มปลูก ซึ่งอยู่ที่ 64.21 บาทต่อกิโลกรัม


3. รัฐบาลควรปรับขึ้นราคาน้ำยางและเศษยางตามระดับราคาที่เหมาะสม โดยกำหนดราคาน้ำยางอยู่ที่ 55 บาท และราคาเศษยางอยู่ที่ 30-32 บาท รัฐบาลควรเพิ่มหน่วยงานรับซื้อยางพาราที่กระจายไปยังอำเภอต่างๆ โดยไม่ระบุเฉพาะตลาดกลางเพียงแห่งเดียว เพื่อสร้างช่องทางให้กับเกษตรกรรายย่อย และเกิดความโปร่งใสในกระบวนการรับซื้อ 


4. ควรระบุระยะเวลาในการได้รับเงินไม่ให้เกิน 7 วัน หลังจากการรับซื้อ