"ม.มหิดล" ผิดหวังท่าทีม.ฮาร์วาร์ด ปล่อยอดีต"อาจารย์สาวหนีทุน"ลอยนวล โบ้ย!เป็นเรื่องส่วนตัว

จากกรณีอาจารย์ทันตแพทย์หญิงของมหาวิทยาลัยมหิดลผู้ได้รับทุนไปศึกษาต่อปริญญาโท และปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา แล้วไม่ยอมกลับมาทำงานชดใช้ทุนตามสัญญาจนผู้ค้ำประกัน 4 รายต้องชดใช้หนี้แทนกว่า 10 ล้านบาท เช่นทันตแพทย์เผด็จ พูลวิทยกิจ  แต่อดีตอาจารย์หญิงคนดังกล่าวกลับได้ทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีครอบครัวและใช้ชีวิตสุขสบายปกติ ตามที่มีรายงานข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดวันนี้( 2 ก.พ.59 )  นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า กรณีของอดีตอาจารย์คนดังกล่าวรับทุนของรัฐบาล ไม่ใช่ทุนมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยเป็นตัวกลางในการประสานและเสนอชื่อผู้ค้ำประกันให้ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. ตามหลักเกณฑ์ และที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยให้ทุนอาจารย์ไปเรียนต่อต่างประเทศปีหนึ่งเกือบร้อยทุน เฉพาะทุนด้านสาธารณสุขในกลุ่มแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล ฯลฯ ประมาณ 50-60 ทุน และมีบ้างที่ไม่ยอมกลับมาทำงานตามกำหนด และเลือกจะใช้ทุนคืนเป็นเงิน แต่ไม่เคยมีกรณีไม่ใช้เงินคืน
       
มีเพียงรายนี้ที่หนีไปไม่ใช้หนี้และไม่กลับมา และการที่รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยกำหนดเงื่อนไขให้ใช้ทุนคืน 3 เท่า เพราะอยากให้คนเหล่านี้กลับทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้อยากได้เงินคืน รวมทั้งมหาวิทยาลัยได้ประสานไปยัง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยตอบกลับมาว่า เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องประสานไปยังเจ้าตัว
       
"ผมรู้สึกไม่ดีกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ตอบแบบนั้นและไม่แสดงท่าทีอะไร ทั้งที่การรับคนเป็นอาจารย์ควรจะดูเรื่องความมีคุณธรรมประกอบด้วย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และยังส่งผลกระทบกับผู้ที่รับทุนในรุ่นต่อไป ทำให้หาคนมาค้ำประกันยากขึ้น ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ถ้ามีลูกศิษย์หรืออาจารย์มาขอให้ค้ำก็คงต้องคิดให้หนัก เพราะถ้าหนีไม่ยอมใช้หนี้อีกแล้วเดือดร้อน คงไม่มีใครมาช่วยได้"

ล่าสุดศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และ ศาสตราจารย์ทันตแพทย์พาสน์ศิริ นิสาลักษณ์ คณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมแถลงข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในวันนี้ (2 ก.พ.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์นที รักษ์พลเมือง ชั้น 4 สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา หลังกรณีดังกล่าวตกเป็นข่าวอื้อฉาวและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลมีเดีย

 

 

ภาพจาก Sanook ขอบคุณข้อมูลและอ่านเพิ่มเติมจาก