พระช่วย!!! "น้องดีเจ" ฟื้นร้องขอกินข้าวต้ม-น้ำส้ม แพทย์เผยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดดีขึ้น

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

ฟื้นแล้ว "น้องดีเจ" รู้สึกตัวร้องขอกินข้าวต้ม-น้ำส้ม  ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต เผยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดแนวโน้มดีขึ้น ขณะตำรวจเร่งสืบเรื่องใครพาเด็กไป 

 

วันนี้ (11 ก.พ.) ผู้สือข่าวรายงานความคืบหน้าอาการของน้องดีเจ หรือ ด.ช.เจษฎากร ไชโย อายุ 3 ขวบ 9 เดือน ที่หายออกจากบ้านพักย่าน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นเวลาร่วม 6 วัน ก่อนทีมค้นหาจะไปพบตัวอยู่ในป่าลึกเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา และเข้ารับการรักษาที่ รพ.วชิระภูเก็ต ในสภาพอาการหนัก มีเลือดในกระเพาะอาหารส่วนบน ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

ล่าสุดวันนี้ นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต เผยถึงอาการของน้องดีเจว่า อาการยังทรงตัว โดยน้องสามารถหายใจเองได้ แต่แพทย์ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจ ขณะที่อาการติดเชื้อในกระแสเลือดและอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เลือดหยุดไหล แต่ยังต้องให้ยาปฏิชีวนะและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนบาดแผลตามร่างกายภายนอกไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง คงเหลือแต่อาการหรือภาวะภายในร่างกาย ซึ่งรอลุ้นให้น้องฟื้นโดยเร็ว  และล่าสุดเมื่อเวลา 13.20 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต อีกครั้งว่า น้องดีเจฟื้นแล้ว และเด็กสามารถพูดได้ คำแรกคือ "ข้าวต้ม" กับ"น้ำส้ม" คืออยากกินข้าวต้มกับน้ำส้ม จากนั้นได้หลับไปอีก โดยมีพ่อคอยเฝ้าอยู่หน้าห้อง.


ขณะที่ น.ส.เสาวลักษณ์ ไชโย อายุ 23 ปี แม่น้องดีเจได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงการบนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ลูกชายพ้นขีดอันตราย ขณะเฝ้าอาการลูกชายร่วมกับ นายสุจิตร ไชโย อายุ 53 ปี ตาของน้องดีเจ ที่หน้าหอผู้ป่วยวิกฤติ กุมารเวชกรรม ชั้น 4 ตึกคุณพุ่ม รพ.วชิระภูเก็ตว่า ขณะน้องหายตัวไปได้ออกปากบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้าน ถ้าพบตัวน้องจะกินเจเป็นเวลา 99 วัน จากนั้นเมื่อพบตัวน้อง แต่ป่วยหนัก จึงได้บนบานกับศาลเจ้าปุดจ้อ ซอยภูธร อ.เมือง จ.ภูเก็ต ไว้อีกว่า ถ้าน้องหายป่วย พ้นขีดอันตราย จะบวชชีพราหมณ์เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่ตนเองกินเจ เพื่อแก้บนตามคำพูด ส่วนการที่ต้องหยุดงานมาเฝ้าอาการลูกชายนั้น นายจ้างใจดีและเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี โดยให้ลาหยุดได้ จนกว่าน้องดีเจจะมีอาการดีขึ้น หรือพ้นขีดอันตราย ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่ขอพูดถึง

 

สำหรับการสืบสวนสอบสวนของ สภ.วิชิต เจ้าของพื้นที่ที่น้องดีเจหายตัวไป พบว่า ยังคงแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ทีม ทีมแรกเป็นการสอบสวนปากคำพยานบุคคลต่างๆ เช่น แม่เด็ก ตา ยาย เจ้าของสวนผลไม้จุดที่พบตัว โดยมีการสอบปากคำพยานบุคคลไปแล้ว 4-5 ปาก เพื่อรวบรวมคำให้การ สรุปเป็นแนวทางการทำงาน ส่วนทีมที่ 2 คือ ทีมสืบสวนหาข้อมูลและพยานหลักฐานต่างๆ โดยชุดสืบสวนเร่งหาข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นหรือข้อสันนิษฐานที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นคำตอบในการแก้ข้อสงสัย เช่น เด็กเดินพลัดหลงเข้าไปในป่าเอง โดยไม่มีผู้ใดนำพาได้อย่างไร หรือถ้ามีคนนำพาเข้าไปในป่า จะมีมูลเหตุจูงใจอะไร และทำไปเพื่อวัตถุประสงค์สิ่งใด ซึ่งต้องหาหลักฐานต่างๆ มาเชื่อมโยงประเด็นที่ตั้งไว้ให้ได้ ก่อนที่จะสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ตอบข้อสงสัยของสังคมต่อไป