"อกหัก" ไม่ใช่เรื่องเล็ก!! แพทย์เตือนอาการ "ใจสลาย" มีจริง-แรงถึงตาย!! วาเลนไทน์นี้..รักษาหัวใจไว้ให้ดีก่อนสายเกินไป !!!

"อกหัก" ไม่ใช่เรื่องเล็ก!! แพทย์เตือนอาการ "ใจสลาย" มีจริง-แรงถึงตาย!! วาเลนไทน์นี้ รักษาหัวใจไว้ให้ดีก่อนสายเกินไป !!!

วันนี้ (12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่า ดร.นพ. เกริกวิชช์ ศิลปวิทยาทร อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟ้ฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวเตือนหนุ่มสาว ที่อกหัก โดนบอกเลิก หรือ ไม่สมหวังในความรักในวันวาเลน์ไทน์นี้ ต้องระวัง "โรคหัวใจสลาย" ซึ่งทางการแพทย์มีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ เช่น กลุ่มอาการหัวใจสลายหรือกลุ่มอาการอกหัก (Broken Heart Syndrome) โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมที่ถูกเหนี่ยวนำจากภาวะเครียด (Stress Induced Cardiomyopathy) กลุ่มอาการที่หัวใจห้องล่างส่วนปลายโป่งพอง (Apical Ballooning Syndrome) หรือในญี่ปุ่นจะใช้ชื่อว่า “Takotsubo Cardiomyopathy” ซึ่งเป็นกลุ่มโรคหัวใจอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่สนใจ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอกขึ้นมา หรือหายใจไม่ออกภายหลังจากการเผชิญกับภาวะที่บีบคั้นทางอารมณ์อย่างรุนแรง ซึ่งอาการที่ว่านี้ เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนบีบตัวได้น้อยลง

ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่าอาการดังกล่าวเกิดจากอะไร แต่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด (Stress hormone) หลั่งออกมาในระดับที่สูงมากอย่างฉับพลัน ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนบีบตัวได้น้อยลงหรือหยุดนิ่ง โดยโรคดังกล่าวสามารถพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะสตรีที่หมดประจำเดือน ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทนต่อ ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด หรือ Stress hormone ได้น้อยลง

อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติโรคหัวใจร่วมด้วย ส่วนอาการนั้นจะคล้ายกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน คือ คือ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ หน้ามืด  รวมทั้งอาจตรวจพบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจและความผิดปกติของผลเลือดแบบเดียวกับที่พบในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยด้วยการฉีดสีเพื่อตรวจดูหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งในผู้ป่วยโรคหัวใจสลายนี้มักตรวจไม่พบว่ามีร่องรอยของหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

ซึ่งสำหรับผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจของผู้ป่วยบีบตัวได้น้อยลง โดยบางรายหัวใจสามารถบีบตัวได้เพียงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับหัวใจของคนปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยภาวะหัวใจสลายจำเป็นต้องได้รับการรักษาแบบประคับประคองในโรงพยาบาลเพื่อติดตามเฝ้าระวังภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างน้อย 24 ชั่วโมง โดยปกติอาการจะดีขึ้นภายใน 1 - 8 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว !!