"สธ." แจงปม "เฟซออฟ" อ้างเกินจริง-อาจต้องให้แพทยสภาดูแล

ติดตามข่าวสารที่ www.tnew.co.th

 

รมว.สธ. แจงปมเทคนิค "เฟซออฟ" ไม่มีในระบบ หากเป็นการโฆษณาเกินจริง อาจต้องให้ สบส.-สคบ.ดูแล ขณะตำแหน่งที่ปรึกษาศัลยกรรมความงาม อาจต้องให้ผู้ถือกฎหมายอย่างแพทยสภาดู

 

 

วันนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณี ดร.เซปิง ไชยศาส์น ยืนยันเดินหน้าโครงการเฟซออฟ (Face Off) ซึ่งยังมีปัญหาด้านการโฆษณาว่า ไม่อยากให้สังคมพุ่งเป้า หรือถกเถียงความหมายเกี่ยวกับคำว่า "เฟซออฟ" เพราะไม่เกิดประโยชน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแพทยสภาชี้แจงชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อเรียกหรือเทคนิควิธีนี้ สิ่งที่ทำก็ไม่ใช่การเปลี่ยนหน้า อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาล สถานประกอบการ หรือเอเยนซี หากทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนสนใจเรื่องของความปลอดภัยจากการทำศัลยกรรมเป็นหลัก ส่วนเรื่องของการควบคุมโฆษณาการเสริมความงาม กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำลังตรวจสอบดูแลอยู่ เช่นเดียวกับกรณีที่ ดร.เซปิง อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาด้านการศัลยกรรมความงาม ทั้งที่ไม่ใช่แพทย์ทำศัลยกรรมความงามนั้น ผู้ถือกฎหมายอย่างแพทยสภา และ สบส.ต้องเข้าไปดูว่าเป็นช่องโหว่หรือไม่ และต้องเข้ามาควบคุมดูแลตรงนี้

 

ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงอาชีพที่ปรึกษาด้านศัลยกรรมความงาม ว่า ตนมองว่าคนทั่วไปก็สามารถทำได้ แต่คงเป็นแง่ของลักษณะการตลาด เปรียบเหมือนบริษัทรับจ้างโฆษณาที่สามารถแนะนำสถานที่ และเป็นข้อมูลจริง ไม่ใช่การโฆษณาเกินจริง เช่น แพทย์คนนี้เก่งที่สุด ดีที่สุด เป็นต้น หากพบว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง ถือว่ามีความผิด ซึ่ง สคบ. และ สบส.ต้องเข้าไปดูแล แต่หากมีการกล่าวอ้างถึงแพทย์ ตรงนี้แพทยสภา ก็จะเข้ามาดูแลด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถแนะนำถึงเทคนิกการทำศัลยกรรมได้ เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะแนะนำต่อคนไข้ได้ อย่างไรก็ตาม สคบ. และสบส.กำลังจะหารือเรื่องการควบคุมการโฆษณาด้านศัลยกรรมความงามด้วย แต่คงไม่สามารถห้ามโฆษณาเลยได้