แสบมาก!! วินาที "มิจฉาชีพ" ฉกเงินจาก "ร้านค้า" นับไม่ถ้วนด้วยวิธีการนี้ ทำอย่างแนบเนียน หายไปต่อหน้าต่อตา!! (มีคลิป)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีข่าวการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพจาก นางถุงเงิน อำรุง อายุ 47 ปี แม่ค้าขายผักและเครื่องเทศ ภายในตลาดสดพิษณุโลกร่วมใจ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่าเมื่อเวลาประมาณ 09.11 น. มีมิจฉาชีพที่เป็นผู้หญิงเข้ามาทำทีซื้อของภายในร้าน แต่เมื่อถึงช่วงทอนเงินกลับอ้างว่าได้รับเงินไม่ครบจำนวน ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด

  
โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพผู้หญิงผมยาวอายุประมาณ 50 ปี สวมใส่เสื้อสีฟ้าลายตารางสีน้ำเงิน สวมกางเกงสามส่วนสีเหลือง สวมใส่แว่นตาเข้ามาซื้อกระเทียมและจ่ายเงินทันทีด้วยธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท  หลังจากนั้นได้ชักจูงพูดคุยกับลูกชายของนางถุงเงินและขอให้ตักกระเทียมถุงใหม่ โดยได้ควักธนบัตรฉบับละ 50 บาท ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อโดยใส่ไว้มือข้างขวา และซุกไว้บริเวณด้านข้างตะกร้าเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เมื่อรับเงินทอง ได้รีบเอาธนบัตรฉบับละ 50 บาท ซุกไว้ใต้เงินทอนซึ่งเป็นเศษทอน 50 บาททันที

 

และอีกจังหวะที่ลูกชายนางถุงเงินทอนเงินให้อีก 900 บาท ผู้หญิงคนดังกล่าวได้ชักเอาธนบัตร ฉบับละ 500 บาท ยัดไว้ใต้เสื้อในทันทีที่เรียกว่า ทอนเงินให้ไม่ครบ ซึ่งในช่วงแรก ลูกชายและนางถุงเงิน ได้ยืนยันว่าทอนเงินครบอย่างแน่นอน เนื่องจากนางถุงเงินได้ดึงเงินที่ตนเองทำแนบละ 1,000 บาท เอาไว้ ตามปกติเช่นนี้เป็นประจำอยู่แล้ว

 

ด้านนางถุงเงินระบุว่า ขายของมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ปกติจะระวังเรื่องเงินทองโดยทุกวันจะทำเงินเป็นแนบ ๆ ละ 1,000 บาท ประกอบด้วย ธนบัตรฉบับละ 500 บาท 1 ฉบับ และ ธนบัตรละ 100 บาท 5 ฉบับ หรือ ธนบัตรฉบับละ 100 บาท ทั้งหมด ซึ่งหลังจากโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่และผู้หญิงคนดังกล่าวพยายามแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่มีเงินในกระเป๋าเสื้อแต่อย่างใด จนนางถุงเงินให้เงินเพิ่มไป 500 บาท เมื่อหญิงรายดังกล่าวเดินจากไปนางถุงเงินจึงเปิดกล้องวงจรปิดพบว่าตนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ

 

 

 

ทั้งนี้ นางถุงเงินฝากให้เรื่องราวของตนเองเป็นอุทาหรณ์แจ้งเตือนภัยให้พ่อค้าแม่ค้าตามท้องตลาด ให้เพิ่มความระมัดระวังและติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้เพื่อเป็นพยาน และสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เพราะหลังจากนำเอาเรื่องราวนี้ไปบอกต่อก็ทราบว่า มีผู้เคยถูกหลอกทอนเงินในลักษณะเดียวกันนี้จำนวนมาก