โดนอีกหนึ่ง ขบวนการระเบิดบ้าน ป่วนเมือง... !!!ย้อนรอยขบวนการวินาศกรรมประเทศ...!?! (ข้อมูล+คลิป)

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม www.tnews.co.th

ในวันนี้ (17 พฤศจิกายน 2556) เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้นำตัวครูแขก หรือน.ส.อัมพร ใจก้อน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 948/2557 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2557 ไปส่งตัวให้อัยการ

 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง คดีที่อัยการยื่นฟ้องนางสาวอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก แนวร่วม นปช. ฐาน ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้
         

กรณีเมื่อระหว่างต้นปี 2553 – 5 ตุลาคม 2553 นางสาวอัมพร กับพวกร่วมกันมีวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง 5 ลูก ผงยูเรียหนัก 20 กิโลกรัม บรรจุในถังดับเพลิง และถังน้ำยาแอร์ ปืนกลเล็ก เอเค 47 ไม่มีหมายเลขทะเบียน และ กระสุน 129 นัด ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
         

ซึ่งคดีนี้นางอัมพร ถูกตำรวจจับกุมหลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่ สมานเมตตา แมนชั่น อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี 2553
         

ขณะที่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นตำรวจที่เบิกความ ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุและไม่ได้เห็นเหตุการณ์ และไม่มีใครเห็นว่านางอัมพร จำเลยอยู่ที่สมานเมตตาแมนชั่นช่วงเกิดเหตุ จึงพิพากษายกฟ้อง พร้อมออกหมายปล่อยตัวนางอัมพร
         

ด้านนางสาวเบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความนางอัมพร เปิดเผยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าพบเห็นนางอัมพร เช่าอาศัยที่สมานเมตตาแมนชั่น แต่เมื่อตรวจสอบไม่พบทรัพย์สินใดๆของนางอัมพร พยานหลักฐานจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธ
         

สำหรับนางอัมพร แม้จะได้รับการปล่อยตัวในคดีนี้ แต่ยังไม่ได้รับการประกันตัวในคดีที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ถูกจับอีกคดีหลังตำรวจพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรถจักรยานยนต์ระเบิด มีผู้เสียชีวิต 2 คน ในพื้นที่ สน.มีนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ปี 2557 เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ซึ่งทนายความเตรียมหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 500,000 บาท ยื่นขอประกันตัว วันพุธที่ 23 พฤศจิกายนนี้

 

โดยเมื่อตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาแล้วพบว่าอาจจะเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นเมื่อปี 2553 หรือแม้กระทั่งการก่อวินาศกรรมสี่แยกราชประสงค์ด้วยหรือไม่

 

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม  เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันควบคุมตัว นางอัมพร ใจก้อน หรือครู แขก อายุ 56 ปี ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ(สนามบินดอนเมือง)  ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 948/2557 ลงวันที่ 15 ต.ค. 57 ข้อหา ร่วมกันทำประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะซื้อ มีใช้สิ่ง หรือนำเข้าวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.เชียงใหม่

ย้อนกลับไปวันที่ 27 เม.ย.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ควบคุมตัวนางอัมพร ใจก้อน หรือ ครูแขก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 412/2554 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2554 ในข้อหา ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเหตุการณ์ระเบิดที่ สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อปี 2553 มาให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ด้านป้องกันปรามปราบสอบปากคำ หลังแนวทางการสืบสวนพบว่า นางอัมพร มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในพื้นที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2557

 

โดยตำรวจสามารถติดตามจับกุม นางอัมพร ได้ที่บ้านพักใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งการจับกุมนี้เป็นไปตามหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นในปี 2553 ซึ่งแนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่า นางอัมพร มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดในพื้นที่ สน.มีนบุรี และจากการสืบสวนขยายผลพบว่าผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในพื้นที่มีนบุรีคือกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น โดยมี นายกษิ ดิฐธนรัชต์ นักธุรกิจค้าปุ๋ยยูเรียส่งออกแถบตะวันออกกลาง เป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า นายกษิ เป็นคนเช่าบ้านที่มีนบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวนสน.มีนบุรี ได้ขออนุมัติหมายจับนายกษิ ในคดีนี้ไปแล้ว

 

จากการจับกุมดังกล่าว และแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งตอกย้ำความเป็นไปได้ในประเด็นที่ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดย่านมีนบุรีเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่พยายามก่อเหตุเมื่อช่วงปี 2553

 

ทั้งนี้ จุดเชื่อมโยงสำคัญ ก็คือหลักฐานที่ว่า นายกษิ ดิฐธนรัชต์ ชาว จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นได้ทำการปลอมแปลงชื่อ เพื่อเช่าบ้านในย่านมีนบุรี เพื่อเก็บสารประกอบระเบิด จนเกิดเหตุการณ์ระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างสยดสยอง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

จากรายงาน ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน. มีนบุรี กล่าวถึงคดีระเบิดบริเวณระหว่างซอยราษฎร์อุทิศ 25-27 เขตมีนบุรี ว่าได้สั่งให้ชุดสืบสวนลงหาข่าวในพื้นที่ โดยเฉพาะการตรวจดูกล้องวงจรปิดทุกจุด เพื่อหาเส้นทางของรถตู้สีขาวที่มารับคน ภายในบ้านเลขที่ 49/1 หมู่ 8 ซอยราษฎร์ อุทิศ 25 ซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายอาศัยอยู่ร่วมกับกลุ่มคนมากกว่า 10 คน ขึ้นไป โดยพยานแวดล้อมยังให้การอีกว่าบ้านเช่าหลังดังกล่าวได้มีรถตู้และรถคันอื่นวิ่งเข้าอยู่ตลอดเวลา และมีคนมากหน้าหลายตาเข้า-ออกบ้านหลังนี้จนผิดสังเกต       

 

สำหรับอุปกรณ์ระเบิดที่พบภายในบ้าน เบื้องต้นทางหน่วยอีโอดีแจ้งว่าวัสดุที่ใช้ประกอบระเบิดนั้น เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุดและหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม2557                               

 

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนเผยว่า คดีระเบิดที่มีนบุรี มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อเดือนตุลาคมปี 2553 โดยพบว่าคนที่เช่าบ้านที่มีนบุรี ซึ่งมีการใช้บัตรอาสาตำรวจบ้าน จ.ราชบุรี อ้างชื่อว่าเป็นนายอ่าว อิสระส์ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการใช้ชื่อปลอม โดยเมื่อตรวจสอบเชิงลึก พบว่าภาพถ่ายในบัตรดังกล่าว เมื่อนำไปเปรียบเทียบคดีค้างเก่า เป็นภาพของนายกษิ ดิฐธนรัชต์ ชาว จ.นราธิวาส เจ้าของนักธุรกิจค้าปุ๋ยยูเรียส่งออกแถบตะวันออกกลาง ผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งสืบทราบว่าก่อนหน้านี้หลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศ และมีการเคลื่อนไหวตามชายแดนอยู่หลายปี

 

แหล่งข่าวกล่าวอีกด้วยว่า หลักฐานภายในบ้านหลังดังกล่าว และจากหลักฐานเก่าที่นายกษิตกเป็นผู้ต้องหาเมื่อปี 53 และกลุ่มที่มีนบุรี อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยเฉพาะอดีตการ์ดฮาร์ดคอร์ และอาจมีนักการเมืองหนุนอยู่ข้างหลัง ซึ่งคาดว่าจะมีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ทางการเมืองให้รุนแรงขึ้น โดยเรื่องดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวของทหารแจ้งเตือนมาแล้ว ให้เร่งรัดคลี่คลายคดีดังกล่าวอย่างเร็วที่สุด

 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 49/1 หมู่ 8 ซอยราษฎร์อุทิศ 25 ซึ่งเป็นบ้านที่มีซุกซ่อนระเบิด และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก ได้ตรวจพบเจอสัญลักษณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว

สำหรับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นเหตุ ให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมากเมื่อปี 2553 นั้น ห้องต้นเหตุเป็นของ นายสมัย วงศ์สุวรรณ์ อดีตการ์ด นปช. ซึ่งเป็นคนประกอบระเบิด

 

คดีนี้ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในขณะนั้นมอบหมายให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต และ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบ สอบสวนโยงใยถึงผู้เกี่ยวข้อง จึงออกหมายจับนายกษิ ดิฐธนรัชต์ นักธุรกิจปุ๋ยยูเรียข้ามชาติ ค้าขายอยู่แถวตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นคนให้เงินนายสมัย และพามาเช่าห้อง     

 

ส่วนนางอัมพร หรือลัดดา หรือครูแขก ใจก้อน ภรรยาของนายกษิ ถูกควบคุมตัวพร้อมผู้เกี่ยวข้องอีก 3 คนมาสอบปากคำ โดยให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งตำรวจพบผู้เกี่ยวข้องอีกรายคือ น.ส.วสา เทพเรียน อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่รัฐสภา หลังพบว่ารับโอนเงินจากนายกษิ และส่งต่อให้บุคคลอื่นๆ แต่หายตัวไปจากบ้านพักพร้อมปิดโทรศัพท์มือถือด้วย

 

ทั้งนี้ น.ส.วสา เป็นเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนเงินให้กับนายกษิ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง

 

 

เรียบเรียงโดย : วัสดา สำนักข่าวทีนิวส์