- 27 พ.ย. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 27 พ.ย.) นพ.ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2560 นี้ กรมสบส. มีนโยบายเร่งเผยแพร่ความรู้สุขภาพแก่ประชาชนนำไปใช้ปฏิบัติดูแลตัวเองและครอบครัวให้มีสุขภาพดี ที่ผ่านมาพบว่าปัญหาการเจ็บป่วยของคนไทยส่วนหนึ่งเกิดมาจากความเชื่อที่ถ่ายทอดกันต่อๆกันมา ซึ่งการปฏิบัติตามความเชื่อจะทำให้รู้สึกว่าปลอดภัย ถ้าปฏิบัติขัดกับความเชื่อจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการรักษาของแพทย์
นพ.ประภาส กล่าวว่า กรมสบส.ได้สำรวจความเชื่อด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑลและ 4 ภาค จำนวน 501 ตัวอย่าง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับการดูแลรักษาบาดแผลทั่วๆ ไป ผลปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ60 มีความเชื่อผิดๆ ว่าการรับประทานไข่จะทำให้แผลปูดและเป็นแผลเป็น ซึ่งความเชื่อดังกล่าวร้อยละ 61 เป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายเชื่อร้อยละ 58 และกลุ่มที่มีความเชื่อเรื่องนี้มากที่สุดได้แก่กลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปร้อยละ 68 โดยผู้มีระดับการศึกษาต่ำจะมีความเชื่อเรื่องนี้สูง กล่าวคือระดับการศึกษาประถมศึกษาเชื่อมากที่สุดร้อยละ 63 รองลงมาคือมัธยมศึกษา ร้อยละ 60 ขณะที่ผู้จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเชื่อร้อยละ 46 ภาคที่มีความเชื่อสูงสุดได้ภาคเหนือร้อยละ 74 รองลงมาคือภาคกลางร้อยละ 69 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 62 กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ร้อยละ 55 ส่วนภาคใต้มีความเชื่อต่ำสุดคือร้อยละ 39
นพ.ประภาส กล่าวต่อว่า หัวใจสำคัญของการดูแลบาดแผลทุกชนิดไม่ว่าแผลถลอก แผลเล็ก แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและแผลผ่าตัด มี 2 ประการคือ 1.การรักษาความสะอาดแผล ป้องกันการติดเชื้อโรค และ 2.การบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น โดยสารอาหารที่ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้นได้แก่ 1.โปรตีน ซึ่งมีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม ไข่ รวมถึงถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น โปรตีนจะช่วยสร้างเนื้อเยื่อทำให้เซลล์แต่ละเซลล์ ประสานยึดติดเป็นเนื้อเดียวกัน 2. วิตามินซี ซึ่งมีมากในผลไม้สดทุกชนิดพบมากในฝรั่ง มะละกอ ส้มต่างๆ และยังพบในผักเช่นบร็อคโคลี่ พริกหวานสีแดง วิตามินซีจะทำหน้าที่สร้างผนังของเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยมีความแข็งแรงและไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ และยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น และ 3.ธาตุสังกะสี ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์ นม ไข่ ตับ ถั่วเหลือง ช่วยให้เซลล์จับกับวิตามินกระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้น ดังนั้นไข่จึงไม่ใช่อาหารแสลงหรืออาหารต้องห้ามอย่างที่เข้าใจผิดกัน
"แผลเป็นที่ปูดโต ไม่ได้เกี่ยวกับการกินไข่ แต่เป็นธรรมชาติของเนื้อหนังของแต่ละบุคคลซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยในปีหน้า กรมสบส.จะให้ อสม.ออกไปให้ความรู้ประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ หรือผ่านทางหอกระจายข่าว รวมถึงการดูแลบาดแผลทั่วไปแนะนำให้ประชาชนทำความสะอาดแผลทุกวัน หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลสกปรกหรือเปียกน้ำ เพราะอาจทำให้แผลเกิดการอักเสบได้ และควรสังเกตลักษณะบาดแผล หากแผลบวม แดง ร้อน สีของบาดแผลเปลี่ยนไป มีหนอง ควรรีบไปพบ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อดูแลรักษาต่อไป " นพ.ประภาส กล่าว